คุณชอบอะไร
อันนี้เป็นคำถามที่สามารถตอบได้ไม่ยากนัก ก็แค่วิเคราะห์ออกมาว่าคุณเองชอบอะไร อยากทำอะไร และสนใจในเรื่องอะไร เพราะการที่คุณชอบในเรื่องนั้นสิ่งที่ตามมาคุณก็จะทำมันเป็นงานอดิเรก หรือสนใจมันมากนั่นเอง ซึ่งมันจะบอกได้ทันทีว่าคุณเองมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย และยิ่งไปกว่านั้นมันยังทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น สนุกสนาน กระตือรือร้นที่จะทำธุรกิจนี้มากขึ้น ลองรวบรวมความคิดมาครับ จดใส่กระดาษ จัดหมวดหมู่ จัดลำดับความสำคัญ ของสิ่งที่คุณชอบเอาไว้ ลองยกตัวอย่างนะครับ ถ้าเป็นผมเอง ผมชอบที่จะปลูกกล้วยไม้และเฟิน ผมมีความรู้เรื่องภูมิปัญญาชาวบ้านเช่น สานกระทอ ผมมีหนังสือมือ 2 ที่น่าสนใจสะสมไว้มากมาย อีกทั้งสามารถรวบรวมจากที่อื่นได้อีกมาก และก็ไปดูข้อต่อไป
คุณมีความรู้ในเรื่องอะไร
หลังจากที่เรารู้ว่าเราสนใจและต้องการทำอะไร เราก็มาดูนะครับ ว่าเรามีความรู้เรื่องอะไรมากที่สุด และมากแค่ไหนน แต่ในความเป็นจริงถ้าต้องการศึกษาเพิ่มเติมบ้างก็คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับ คุณเลย เพราะถ้าคุณอยากทำจริง ๆ และมันเป็นสิ่งที่คุณชอบ คุณก็จะศึกษามันอย่างเต็มที่ และสนุกกับมัน งั้นลองเอากระดาษที่เราเขียนไอเดียในข้อแรกขึ้นมาครับ และก็ลองศึกษาว่าคุณเก่งเรื่องอะไรมากที่สุด เช่น ผมเก่งเรื่องปลูกกล้วยไม้ และผมก็มีความรู้พอประมาณ แต่ต้องศึกษาเพิ่มเติมเรื่องของกฏหมายในการซื้อ-ขายกล้วยไม้เป็นต้น แต่ผมแนะนำวิธีคิดนะครับ สำหรับวิธีการทำธุรกิจแบบเดิม ๆ มันคงไม่ไหวแล้ว(คู่แข่งเยอะ) ลองเปลี่ยนแนวคิดดูใหม่ ถ้าผมสามารถเอา 2 แนวคิดมารวมกัน และสร้างมูลค่าได้จะดีแค่ไหน เช่น ขายหนังสือมือ 2 เป็นชุด 2-3 เล่มและก็สานกล่องใส่หนังสือนั้นด้วย ไม้ไผ่ หรือใบตาล ซึ่งถ้าขายในลักษณะนี้นอกจากจะเกิดความสวยงามไม่ซ้ำใครแล้วก็ยังสามารถสร้างมูลค่าได้ไม่น้อย เพราะมันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ หรืออาจสานแฟ้มเอกสารจากใบตาล อย่างน้อยก็ยังไม่มีใครทำเลย จริงไหมล่ะครับ
มีใครอยากได้สินค้าของคุณไหม
เอาล่ะสิครับ หัวข้อนี้สิครับ คิดหนัก ลองไปหาในคีย์เวิร์ดของกูเกิลก้ได้ครับ ว่ามีคนมา Search หาเกี่ยวกับสินค้านี้หรือไม่ ถ้ามี ก็ดูว่าเยอะแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีก็ต้องศึกษาว่าจะเปิดตลาดได้หรือไม่ ลองกระดาษริสรายการจากข้อ ที่แล้วมาวิเคราะห์ต่อครับว่าถ้าเป็นหนังสือมือสองพร้อมกล่องใส่เก๋ ๆ น่ารัก ๆ จะขายได้ไหม ผมบอกตามตรง หนังสือไม่ว่าจะเป็น มือสองมือหนึ่งก็ขายได้ทั้งนั้นล่ะครับ มีคนอ่านเสมอ ให้อยู่ในสภาพที่ยองรับได้ก็พอ ส่วนเจ้ากล่องสานนี่ ก็น่าสนใจไม่น้อเพราะเราสามารถตกแต่งให้สวยงาม ออกแบบให้สามารถใช้งานได้หลาย ๆ อย่าง นี่เลยครับ ไอเดียที่น่าสนใจ ก็ลองเขียนรายละเอียดเพิ่มเติมลงไป และก็ไปศึกษาต่อในข้อต่อไป
มีใครทำไปหรือยัง
ลองไปหาดูในกูเกิลครับ ผมเชื่ว่าหนังสือมือสองนี่น่าจะมีไม่น้อยเหมือนกัน คุณคงจะเจอเว็บที่ขายสินค้าแบบนี้เพียบเลยทีเดียว อันนี้อาจดูน่ากลัว แต่ผมขอแนะนำให้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ก่อน วิธีการก็คือ ลองหา Traffic Ranking ของเว็บไซต์นั้น โดยลองดูเว็บที่จัดอันดับ Traffic Ranking ว่าเว็บนั้นที่คุณเห็นเขามีการเคลื่อนไหวมากน้อยเพียงใดถ้ามีความเคลื่อนไหวมาก มีคนดูมาก และต่อเนื่อง ก็โอเคเลยครับ สินค้าคุณผ่านสำหรับข้อนี้ ส่วนถ้าไม่มีใครทำมาก่อน ผมว่าไม่น่าจะมีนะครับ เพราะคนทั่วโลกเล่นอินเตอร์เน็ต หลายร้อยล้านคน คงจะมีผู้ขายสินค้ามากมาย คงจะมีสินค้าคล้าย ๆ กันเยอะล่ะครับ ส่วนการสร้างจุดเด่นและความแตกต่าง เอาไว้ทีหลังครับ อันนี้เป็นเทคนิค เช่น กล่องสานสวยหรูที่เราคิดไว้เรายังไม่ต้องสนใจสำหรับข้อนี้ เราดูแค่หนังสือมือสองเท่านั้น ลองค้นหาในกูเกิลดู เห็นไหมล่ะครับ เยอะมาก
ศึกษาคู่แข่งสักเล็กน้อย
ในข้อที่แล้วเราได้คู่แข่งตัวฉกาดในอนาคตของเราแล้ว สิ่งที่เราต้องทำก็คือลองศึกษาวิธีการทำของคู่แข่งในอนาคตว่าเขาทำอย่างไร เช่นเขาอาจจะเป็นแค่ Drop Shipping หรือตัวแทนขาย ให้สมาชิกมาโพสต์ขาย หรือเขาไปรวบรวมสินค้ามาเพื่อขาย และเขามีจุดขายอย่างไร เป้นต้นลองศึกษารายละเอียดนะครับ เพื่อที่เราจะมาหาว่าทำไมเขาถึงได้รับความนิยม แต่ขอแนะนำว่าหากรณีศึกษา สัก 3-4 เว็บไซต์ก็พอ ไม่ต้องไปดูผลการค้นหาทั้ง พันล้านครั้งหรอกนะครับ
เว็บยอดนิยมก็ไม่ใช่อุปสรรค์ของเรา
ข้อนี้แหละครับที่เราต้องคิดให้มากกว่าข้ออื่น นั่นคือการเพิ่มมูลค่าของสินค้า หรือทำให้สินค้าเรามีจุดเด่นกว่าเว็บไซต์อื่น และน่าสนใจมากกว่าเว็บไซต์อื่น แต่ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากมายหากคุณคิดตามผมมาตั้งแต่แรก เพราะวิธีการก็แค่ เอาริสรายการที่ได้มาดูอีกรอบ จะเห็นว่าไม่ว่าเว็บยอดนิยมที่ไหนก็เสียเปรียบเรา เพราะเรามีกล่องสานใบตาลเก๋ ๆ ให้ลูกค้าสนใจอยู่แล้ว เพราะงั้นไม่มีอะไรต้องคิดมากเลยจริงไหมล่ะครับ และก็ศึกษา SEO และ SMO(ลองกลับไปอ่านบทความเก่า ๆ ดูนะครับ) อีกสักเล็กน้อย ก็ทำให้ลำดับการค้นหาดีขึ้นกว่าเก่า มองเห็นโอกาสแล้วใช่ไหมล่ะครับ ไปดูข้อถัดไป
ตรวจสอบช่องทางการตลาดหน่อยดีกว่า
มาถึงตอนนี้เรามีทิศทางมีไอเดีย มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจ แต่สิ่งที่ต้องมาทบทวนอีกรอบป้องกันความผิดพลาด นั่นคือเรื่องของลูกค้าครับ รงนี้ผมเคยย้ำในหลาย ๆ บทความก่อนหน้านั่นคือ ลองดูว่าลูกค้าของเราเป็นใคร มีความต้องการมากน้อยเพียงใด ดังนั้นหากเป็นหนังสือ ก็มีกลุ่มเป้าหมายหลายกลุ่มอยู่ ทั้งนี้ก็ต้องดูว่า เว็บไซต์ของเรามีหนังสืออะไรบ้าง ถ้ามีหนังสือการ์ตูนกลุ่มเป้าหมายก็คงเป็นพวกวัยรุ่น และหลังจากนั้นเราก็มาศึกษาต่อด้วยว่าเราจะขยายตำแหน่งไปสู่ระดับอื่น ๆ ได้หือไม่ เช่น เราสามารถขายหนังสือสาระคดีและนิยายให้กับ คนวัยทำงานบ้างได้หรือไม่ หรือว่า จะไปขายวีซีดีสื่อการเรียนรู้ได้หรือไม่ หรือว่าเราจะเข้าสู่ตลาดหนังสือมือหนึ่งในอนาคตได้อีกหรือไม่ ตรงนี้เป็นการกำหนดแผนล่วงหน้าครับ เพื่อให้อนาคตเราสามารถขยายตัวได้และครอบคลุมธุกิจมากขึ้น
เอาล่ะครับ มีไอเดียหรือยังครับ แล้วมีมากแค่ไหนอย่างไงถ้าไม่แน่ใจสามารถแชร์ไอเดียมาคุยกันได้เสมอครับ เพื่ออนาคตของคนออนไลน์อย่างคุณ ลองวางแผนตามนี้ดูนะครับ ส่วนใครที่ ยังคิดอะไรไม่ออกไม่แน่ใจหรือไม่เข้าใจ สอบถามได้เสมอครับผม
เลือกหมวดหมู่ย่อยที่ต้องการอ่าน
All
คอมพิวเตอร์
Affiliate
Artisteer
Blog
Blogger
Browser
Cloud Computing
Computer
Design
Drop Shipping
E Bussiness
E Commerce
E Mail Marketing
E Marketing
E Marketing
Eyeos
Facebook
Fan Page
Gadget
Google Adsense
Google Buzz
Google Docs
Google Readder
Internet
Linkedin
M Commerce
Mlm
M Marketing
Office 2.0
Ranking
Seo
Smo
Social Gadget
Social Media
Social Network
Software
Twitter
Viral Marketing
Web 2.0
Website
Youtube
Zoho