เมื่อหลายวันก่อนผมนำเสนอเรื่องของการประยุคใช้ โซเชียลเน็ตเวิร์ก คร่าว ๆ ไปแล้วนะครับ และวันนี้ก็ขอถือโอกาสเอาเรื่องราวดังกล่าวมานำเสนอต่อเพื่อให้ท่านที่เข้า อ่านสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ดีขึ้น เรารู้จักโซเชียลเน็ตเวิร์กกันไปแล้วหลายตัวหลายตัวและเห็นการประยุกต์ใช้โซ เชียลเน็ตเวิร์กไปบ้างแล้ว ได้เหฯนข้อดีของการนำโซเชียลเน็ตเวิร์กมาใช้ในองค์กรไปแล้ว แต่ก็มีคำถามมีเรื่อวราวที่หลายคนอาจสงสัยตามมาเช่น จะทำอย่างไงให้ประสบความสำเร็จได้ จะทำอย่างไงให้ผลการใช้ออกมาดี ทั้งนี้เราต้องนำมาสิเคราะ์ทั้งภายนอก ภายในครับ
ถ้าเป็นระดับภายใน เราก็อาจดูจากรูปแบบองค์กร บุคลากรในองค์กร พื้นฐานความรู้ความเหมาะสมเป็นต้น
และถ้าเป็นระดับภายนอกก็คงต้องดูเรื่องของตลาด และความนิยมของหฃกลุ่มเป้าหมายเป็นต้นทั้งนี้มัรฃนขึ้นกับกลายปัจจัย ดังนั้นการวิเคราะห์ต้องอาศัยประสบการณ์ บ้างจึงจะสามารถวิเคราะห์ออกมาได้ผลดีครับ ดังนั้นผมจะขอพูดถึงการวิเคราะห์จากปัจจัยภายนอกก่อนนะครับ
ปัยจัยภายนอก ก็คือ ปัจัยอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ภายนอกองค์กรของเรา ซึ่งส่วนมากเราจะไม่สามารถควบคุมมันได้ เช่น กระแสความนิยม ความชอบอะไรพวกนี้ดังนั้น การที่เราจะเอาปัจจัยพวกนี้มาใช้เราต้องใช้วิธีการเปลี่ยนตัวเราครับ เพราะหากเป็นปัจจัยภายในเราต้อวพยามเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นเหมือนเราหรือเข้า ใจได้แบบเรา แต่เรื่อวขอวปัจัยภายนอกเราควบคุมมันไม่ได้ จะทำไงล่ะ เปลี่ยนตามสิครับ ง่ายดี เราเปลี่ยนความคิดลูกค้าที่จำนวนเป็นแสนคนไมได้ เราก็เปลี่ยนความคิดของเราให้เหมือนกับที่ลูกค้าคิดซะเลย แต่ที่เราจะต้องคิดต่อคือว่า แล้วอะไรล่ะ ที่เราจะต้องนำมาวิเคราะห์ (ในส่วนของ 4p อะไรพวกนี้เป็นเรื่องของการตลาดอันนี้ผมไม่ขอพูดถึงเพราะมันเกี่ยวกับตัว สินค้าและการตลาดซซึ่งแต่ละองค์กรจะเข้าใจตรงนี้ดีอยู่แล้ว) ในส่วนของโซเชียลเน็ตเวิร์ก เราจะต้องวิเคราะห์อะไรบ้างล่ะ ผมขอนำเสนอไปเรื่อย ๆ เลยแล้วกันนะครับ
และถ้าเป็นระดับภายนอกก็คงต้องดูเรื่องของตลาด และความนิยมของหฃกลุ่มเป้าหมายเป็นต้นทั้งนี้มัรฃนขึ้นกับกลายปัจจัย ดังนั้นการวิเคราะห์ต้องอาศัยประสบการณ์ บ้างจึงจะสามารถวิเคราะห์ออกมาได้ผลดีครับ ดังนั้นผมจะขอพูดถึงการวิเคราะห์จากปัจจัยภายนอกก่อนนะครับ
ปัยจัยภายนอก ก็คือ ปัจัยอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ภายนอกองค์กรของเรา ซึ่งส่วนมากเราจะไม่สามารถควบคุมมันได้ เช่น กระแสความนิยม ความชอบอะไรพวกนี้ดังนั้น การที่เราจะเอาปัจจัยพวกนี้มาใช้เราต้องใช้วิธีการเปลี่ยนตัวเราครับ เพราะหากเป็นปัจจัยภายในเราต้อวพยามเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นเหมือนเราหรือเข้า ใจได้แบบเรา แต่เรื่อวขอวปัจัยภายนอกเราควบคุมมันไม่ได้ จะทำไงล่ะ เปลี่ยนตามสิครับ ง่ายดี เราเปลี่ยนความคิดลูกค้าที่จำนวนเป็นแสนคนไมได้ เราก็เปลี่ยนความคิดของเราให้เหมือนกับที่ลูกค้าคิดซะเลย แต่ที่เราจะต้องคิดต่อคือว่า แล้วอะไรล่ะ ที่เราจะต้องนำมาวิเคราะห์ (ในส่วนของ 4p อะไรพวกนี้เป็นเรื่องของการตลาดอันนี้ผมไม่ขอพูดถึงเพราะมันเกี่ยวกับตัว สินค้าและการตลาดซซึ่งแต่ละองค์กรจะเข้าใจตรงนี้ดีอยู่แล้ว) ในส่วนของโซเชียลเน็ตเวิร์ก เราจะต้องวิเคราะห์อะไรบ้างล่ะ ผมขอนำเสนอไปเรื่อย ๆ เลยแล้วกันนะครับ
ประเด็นที่เราจะวิเคราะห์ประเด็นแรกคือ
1. ตัวโซเชียลเน็ตเวิร์กเอง วิเคราะห์แบบไหนหรอครับ โซเชียลเน็ตเวิร์กมีให้ใช้มากมายหลายตัว ในเมืองไทยมีเล่นกันแยะมาก เฉพาะผมนเดียวเล่นยังขนเล่นไปได้ มากว่า 10ตัว นั่นแหละประเด็นเพราะทุกตัวมีฟิวเจอร์ต่างกัน ก็เลยทำให้ข้อดีข้อเสียและผลจากการนำเสนอต่างกัน เช่น หากเราาต้องการนำเสนอในรูปแบบของไฟล์วีดีโอเราจะเห็นได้ว่า มีโซเชียลเน็ตเวิร์กหลายตัวที่สามารถนำเสนอได้แต่ทั้งนี้ตัวที่สามารถนำเสนอ ได้ แต่เท่าที่ผมลองเล่นมาผมว่ายูทูปเป็นตัวที่ตรงประเด็น และได้รับความสนใจมากที่สุดในการนำเสนอ วีดีโอ หรือหากต้องการนำเสนอข่าวสาร เท่าที่ทดสอบและได้ทดลองมา ที่ได้ผลที่สุด มักจะเป็นทวิตเตอร์ (อันนี้เป็นผลการทดลองส่วนบุคคล ดังนั้นหากมีการใช้แล้วได้ผลต่างออกไปก็ขออภัย)สาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะ ยูทูปมีฟิวเจอร์ที่นำเสนอวีดีโอโดยเฉพาะ จังได้รับความนิยมมากกลุ่มนักดูวีดีโอออนไลฟ์ หรือทวิตเตอร์ก็เป็นข้อความสั้น 140 ตัวอักษรเรียกว่า สั้น แต่ได้ใจความ หรือ จะเป็นลักษณะที่เล่นง่าย แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีอีกหลายตัวที่นิผมเล่นกัน เช่นเฟซบุ๊คซึ่งนิยมกันมาก มีฟิวเจอร์ที่อยะ ครบครันมากกว่าทวิตเตอร์ และสามารถนำเสนอได้น่าสนใจ(แต่ผมสังเกตุดูคนที่เล่นมักสนใจเกมส์ เป็นส่วนมาก) หรือจะเป็นบัซซ์ น้องใหม่ขยมวงการ ในตอนนี้แม้จะยังไม่ได้รับความนิยมแต่อย่างน้อยก็ยังมีความน่าสนใจ ในหลายอย่าง เพราะ มีการเชื่อมโยงกับหลาย ๆ ตัวที่เป็นบริการจากกูเกิล เช่น รีดเดอร์ และ เวฟ เป็นต้น หรือจะเป็นพวกบล็อกมากมายที่เหมาะกับการนำเสนอข้อมูลยาว ๆ ไม่ต้องการความเป็นเรียวไทย์มากนัก อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ที่เราต้องนำมาวิเคราะห์ก่อนที่จะใช้งาน
2. กลุ่มเป้าหมาย อันนี้สำคัญแน่นอนครับ พูดถึงกลุ่มเปล้าหมายมัเกี่ยวอะไรกับโซเชียลเน็ตเวิร์กล่ะ ก็ในเมือ่เราต้องการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในการนำเสนอข้อมูลให้ลูกค้า ดังนั้นดฃเราก็ต้องพยายามที่จะศึกษาทำความเข้าใจเพราะถ้าเราสังเกตุดูเราจะ เห็นว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กแต่ละตัว เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ต่างกัน เ่ช่น วัยรุ่น เราคงจะเห็นได้มากว่า วัยรุ่นจะให้ความนิยมมากคือ เฟซบุ๊ค และไฮ5 แต่ คนวัยทำงาน มักให้ความสนใจกับทวิตเตอร์และบัซซ์เพื่อิดตามข่าวสารที่น่าสนใจ และสถานการณ์แบบเรียลไทม์ หรือ คนที่ชอบนำสนอข้อมูลไม่สนใจการพูดคุยมักจะหันไปหาบล็อก(ทั้งนี้อาจไม่เป็น อย่างนี้เสมอไป แต่ข้อมูลนี้เป็นการนำเสนอโดยผมสังเกตุจากที่ผมได้เล่นมา) เพื่อนำเสนอข้อมูลของตัวเองอย่างเต็มที่อันนี้เราก็ต้องศึกษาก่อนว่า ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการนำเสนอนั้นเป็นกลุ่มไหน เพื่อที่จะเลือกใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กได้ถูกตัวและตรงกับกลุ่มเป้าหมายมาก ขึ้น และทำให้เราสามารถประสบสำเร็จได้เร็วขึ้น
3.มีการอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ การที่เราต้องการใสให้กลุ่มเป้าหมายสนใจเราเราก็ต้องทำให้เขาคุ้นเคยและจดจำ เรา ทำอย่างไงน่ะครับ เราก็ต้องพยายามอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ เหมือนกับที่เราเห็นโฆษณาทางโทรทัศน์ ที่เขาพยายามนำเสนอบ่อย ๆ นำเสนอจนเราจะได้ทุกคำพูด จำได้ว่ามีอะไรบ้างในฉาก และนั่นแหละครับ ที่ผมต้องย้ำว่าการนำเสนอจะต้องอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งบ่อยเท่าไรยิ่งเพิ่มการจดจำได้มากขึ้นเท่านั้น กลุ่มเป้าหมาย จะจดจำเรามากขึ้น และติดตามได้มากขึ้น กลยุทธนี้ มีใช้กันในทุก ๆ สื่อ ซึ่งเราก็ต้องนำมาใช้เช่นกัน
4. ให้ความสำคัญกับวิธีการอัพเดต ทำไมน่ะหรอครับ เราจะเห็นได้ว่าเราเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กหลายวิธี เล่นได้ทุกที่ ทุกเวลา ดังนั้นเราก็ต้องเผื่อวิธีการอัพเดตเอาไว้บ้าง เช่น เราไปปฏิบัติงานต่างจังหวัดเราก็ต้องสามารถอัพเดตได้ เพราะวิธีการอัพเดตมีมากมายเช่น อัพเดตผ่านเว็บไซด์โซเชียลเน็ตเวิร์กนั้น อัพเดตผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือจะอัพเดตผ่านอีเมล์ รวมไปถึงการเชื่อมโยงกับโซเชียลเน็ตเวิร์กตัวอื่นเพี่อให้การอัพเดตเป็นไป ได้ง่ายขึ้น เช่น เราอัพรูปใน fliker แต่รูปนั้นสามารถดูได้จากเฟซบุ๊ค ไฮ5 หรือจะคลิกได้จากลิงค์ในทวิตเตอร์ และนั่นเองเป็นวิธีอัพเดตที่ชาญฉลาด เพราะ เราไม่ต้องมาเสียเวลาอัพเดตหลายครั้ง และสามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องสนใจปัจจัยแวดล้อมอะไรมากมาย
5.เรื่องที่จะนำเสนอ การนำเสนอเรื่องราวต่างๆ เราะต้องมีการศึกษา และทำความเข้าใจเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้งเพื่อที่จะให้ผู้ที่ติดตามอ่าน แล้วสามารถที่จะเข้าใจและประทับใจ รวมไปถึง สามารถตอบคำถามข้อสงสัยจากผู้อ่านได้ทั้งนี้คงไม่ยากเพราะการที่เราจะนำเสนอ เราคงจะศึกษามาอย่างดีอยู่แล้ว หรือถ้ายังไม่แน่ใจเราก็อาจจะศึกษาจากที่อื่นเพิ่มเติม เช่น อาจรวบรวม บทความข้อความ ที่คนอื่นได้เขียนไว้มาศึกษาเปรียบเทียบ และทำควมเข้าใจ
4.ศึกษาเทคนิคการเขียน อันนี้ผู้เขียนบล็อกหลายท่านได้ทำการศึกษามาแล้ว บางคนเก่งกว่าผมหลายเท่าเลย อันนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะคนอ่านจะกลับมาอ่านซ้ำหรือไม่ก็ตรงนี้แหละครับ ตรงที่ว่าเขาอ่านแล้วประทับใจเราแค่ไหน นั่นน่ะสำคัญเลย เพราะเราจะเห็นได้ว่า คนแต่ล่ะกลุ่มให้ความสนใจ ในเรื่องต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป ดังนั้นอันนี้เป็นเรื่องของจิตวิทยามวลชนครับ ว่าหากเรามีกลุ่มเป้าหมายแบบนี้เราจะนำเสนออย่างไร และการนำเสนอเราก้ต้องนำเสนอ ข้อมูลในชิงบวกให้ได้มากที่สุดเพราะหากมีการเปลียบเทียบกับที่อื่นหรือ ข้อมูลอื่นถ้าผลการเปลียบเทียบข้อมูลเราดีกว่า ครบถ้วนกว่า น่าสนใจกว่า ก็สงผลให้ข้อมูลของเราน่าเชื่อถือกว่าเช่นกัน อันนี้เปนเทคนิคที่หลายคนใช้แล้วประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายเลยทีเดียว
5.ใช้วิตเจตมาช่วยในการประยุกต์ การนำเสนอเราจะเห็นพวกวิตเจต ต่าง ๆ มากมาย เช่น mybloglog ,frend conce อันนี้ก็ดีมากเลยครับ เรานำเอาวิตเจ็ตพวกนี้มาช่วยในการนำเสนอได้ก็จะเป็นผลดีเช่นกันเพราะจะช่วย ให้การนำเสนอเป็นไปได้ง่านและสมบูรณ์แบบมากขึ้น
6.และที่สำคัญ เราต้องเชื่อมโยงโซเชียลเน็ตเวิร์กหลาย ๆ ตัวเข้าด้วยกัน อันนี้หลายคนคงสงสัยว่าทำไม ที่จริงข้อนี้มันอธิบายตัวมันเองได้อยู่แล้วคือ
- อัพเดตง่าย คือเราสามาถเล่นเฟซบุ๊คบนทวิตเตอร์ หรือสามารถอัพโหลดรูปเข้า flicker แล้วไปดูได้ในเฟซบุ๊ค อันนี้ช่วยให้เาสะดวกมากขึ้นครับ
- กระจายกลุ่มเป้าหมาย ถึงแม้ว่า โซเชียลเน็ตเวิร์กแต่ละตัว มีมีกลุ่มเป้าหมายต่างกัน แต่นั่นไม่ใช่กฏเกณฑ์ที่ตายตัวดังนั้นหากมีการเชื่อมโยงการอัพเดตไว้จะช่วย ให้เรา เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มาขึ้น อันนี้จะเปนปัจจัยกระตุ้น ให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
- ช่วยให้เกิดกระแส เพราะถ้าเราอัพเดต ได้บ่อย ๆ ในหลายตัว อันนี้จะเกิดกระความนิยมครับ เคยมีคนถามผมว่า ถ้าอัพเดตข้อความซ้ำ ๆ กันบ่อย ๆ จะดีหรือไม่ ถ้าฟังดูแบบผิวเผิน อาจดูเหมือนเป็นความคิดบ้า ๆ แต่ถ้าดูในมุมมองแบบลึก ๆ ผมบอกได้เลยว่าเป็นแนวคิดที่ดีมากเลยทีเดียว ประเด็นก็คอในแต่ละช่วงเวลา มีคนเล่นต่างกันเพราะไม่มีใครเฝ้าดูเราตลอกด 24 ชั่วโมลดังนั้น เราอัพเดตข้อความซ้ำกันเราก็จะมั่นใจไ้ด้เลยว่าคนได้อ่านเยอะ แน่นอนหรือถ้าใครได้เห็นหลาย ๆ ครั้งสิ่งที่เราจะได้เห็นแน่นอนคือการจดจำ ยิ่งเห็นบ่อยยิ่งจำอันนี้แน่นอน ครับเพราะงั้น การพฃอัพเดตข้อความซ้ำอาจได้ผลดี ถ้าหากใช้ให้เป็นเลือกจังหวะให้ถูกต้อง
****อ้อ เกือบลืมไป****
ถ้าคนเขียนบล็อก หรือเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ตัวไหนก็ตาม อีกข้อที่ต้องเลือกต้องดูว่าเหมาะสมกับเราหรือไม่ ที่ขาดไม่ได้เลยนะครับ คืดการดีไซด์และการตกแต่งการเลือกที่ให้เหมาะกับเนื้อหา มีความสามารถเหมาะกับเนื้อหาที่น้องการนำเสนอสามารถตกแต่งไ้ด้เข้ากับสิ่ง ที่เราอยากนำเสนออันนี้ก็สำคัญครับในการเลือกใช้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์ตัว ไหนเรื่องแบบนี้ก็สำคัญเช่นกัน
หรือจะเป็นกระแสความนิยมในโซเขียลเน็ตเวิร์แต่ละตัวอันนี้เป็นปัจจัยไม่ ตายตัวแต่เราก็ต้องทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถ ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กได้ถูกต้องตามรูปแบบที่ต้องการ และประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริงนะครับ
แต่ทั้งนี้การวิเคราะห์ในประเด็นข้างต้นเป็นประเด็นหลัก ๆ เท่านั้นแต่ก็ยังมีปัจจัยอีกมากมาย ที่เกี่ยวข้อง และต้องนำมาวิเคราะห์โดยละเอียดแต่ที่ผม นำเสนอมันเป็นประเด็นหลักที่เราสามารถแตกย่อยได้ และแต่ละประเด็นเป็นประเด็นที่ผมได้มีการทดลองมาแล้วดังนั้นเอาเป็นว่าลอง วิเคราะห์กันตมนี้ก่อน หากใครมีปัญหาอย่างไงก็ถามกันเข้ามาได้นะครับ หรือแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้ มาแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกัน ๆ และกัน เพื่อให้บทความต่าง ๆ สมบูรณ์มากขึ้นต่อไป
1. ตัวโซเชียลเน็ตเวิร์กเอง วิเคราะห์แบบไหนหรอครับ โซเชียลเน็ตเวิร์กมีให้ใช้มากมายหลายตัว ในเมืองไทยมีเล่นกันแยะมาก เฉพาะผมนเดียวเล่นยังขนเล่นไปได้ มากว่า 10ตัว นั่นแหละประเด็นเพราะทุกตัวมีฟิวเจอร์ต่างกัน ก็เลยทำให้ข้อดีข้อเสียและผลจากการนำเสนอต่างกัน เช่น หากเราาต้องการนำเสนอในรูปแบบของไฟล์วีดีโอเราจะเห็นได้ว่า มีโซเชียลเน็ตเวิร์กหลายตัวที่สามารถนำเสนอได้แต่ทั้งนี้ตัวที่สามารถนำเสนอ ได้ แต่เท่าที่ผมลองเล่นมาผมว่ายูทูปเป็นตัวที่ตรงประเด็น และได้รับความสนใจมากที่สุดในการนำเสนอ วีดีโอ หรือหากต้องการนำเสนอข่าวสาร เท่าที่ทดสอบและได้ทดลองมา ที่ได้ผลที่สุด มักจะเป็นทวิตเตอร์ (อันนี้เป็นผลการทดลองส่วนบุคคล ดังนั้นหากมีการใช้แล้วได้ผลต่างออกไปก็ขออภัย)สาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะ ยูทูปมีฟิวเจอร์ที่นำเสนอวีดีโอโดยเฉพาะ จังได้รับความนิยมมากกลุ่มนักดูวีดีโอออนไลฟ์ หรือทวิตเตอร์ก็เป็นข้อความสั้น 140 ตัวอักษรเรียกว่า สั้น แต่ได้ใจความ หรือ จะเป็นลักษณะที่เล่นง่าย แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีอีกหลายตัวที่นิผมเล่นกัน เช่นเฟซบุ๊คซึ่งนิยมกันมาก มีฟิวเจอร์ที่อยะ ครบครันมากกว่าทวิตเตอร์ และสามารถนำเสนอได้น่าสนใจ(แต่ผมสังเกตุดูคนที่เล่นมักสนใจเกมส์ เป็นส่วนมาก) หรือจะเป็นบัซซ์ น้องใหม่ขยมวงการ ในตอนนี้แม้จะยังไม่ได้รับความนิยมแต่อย่างน้อยก็ยังมีความน่าสนใจ ในหลายอย่าง เพราะ มีการเชื่อมโยงกับหลาย ๆ ตัวที่เป็นบริการจากกูเกิล เช่น รีดเดอร์ และ เวฟ เป็นต้น หรือจะเป็นพวกบล็อกมากมายที่เหมาะกับการนำเสนอข้อมูลยาว ๆ ไม่ต้องการความเป็นเรียวไทย์มากนัก อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ที่เราต้องนำมาวิเคราะห์ก่อนที่จะใช้งาน
2. กลุ่มเป้าหมาย อันนี้สำคัญแน่นอนครับ พูดถึงกลุ่มเปล้าหมายมัเกี่ยวอะไรกับโซเชียลเน็ตเวิร์กล่ะ ก็ในเมือ่เราต้องการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในการนำเสนอข้อมูลให้ลูกค้า ดังนั้นดฃเราก็ต้องพยายามที่จะศึกษาทำความเข้าใจเพราะถ้าเราสังเกตุดูเราจะ เห็นว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กแต่ละตัว เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ต่างกัน เ่ช่น วัยรุ่น เราคงจะเห็นได้มากว่า วัยรุ่นจะให้ความนิยมมากคือ เฟซบุ๊ค และไฮ5 แต่ คนวัยทำงาน มักให้ความสนใจกับทวิตเตอร์และบัซซ์เพื่อิดตามข่าวสารที่น่าสนใจ และสถานการณ์แบบเรียลไทม์ หรือ คนที่ชอบนำสนอข้อมูลไม่สนใจการพูดคุยมักจะหันไปหาบล็อก(ทั้งนี้อาจไม่เป็น อย่างนี้เสมอไป แต่ข้อมูลนี้เป็นการนำเสนอโดยผมสังเกตุจากที่ผมได้เล่นมา) เพื่อนำเสนอข้อมูลของตัวเองอย่างเต็มที่อันนี้เราก็ต้องศึกษาก่อนว่า ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการนำเสนอนั้นเป็นกลุ่มไหน เพื่อที่จะเลือกใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กได้ถูกตัวและตรงกับกลุ่มเป้าหมายมาก ขึ้น และทำให้เราสามารถประสบสำเร็จได้เร็วขึ้น
3.มีการอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ การที่เราต้องการใสให้กลุ่มเป้าหมายสนใจเราเราก็ต้องทำให้เขาคุ้นเคยและจดจำ เรา ทำอย่างไงน่ะครับ เราก็ต้องพยายามอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ เหมือนกับที่เราเห็นโฆษณาทางโทรทัศน์ ที่เขาพยายามนำเสนอบ่อย ๆ นำเสนอจนเราจะได้ทุกคำพูด จำได้ว่ามีอะไรบ้างในฉาก และนั่นแหละครับ ที่ผมต้องย้ำว่าการนำเสนอจะต้องอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งบ่อยเท่าไรยิ่งเพิ่มการจดจำได้มากขึ้นเท่านั้น กลุ่มเป้าหมาย จะจดจำเรามากขึ้น และติดตามได้มากขึ้น กลยุทธนี้ มีใช้กันในทุก ๆ สื่อ ซึ่งเราก็ต้องนำมาใช้เช่นกัน
4. ให้ความสำคัญกับวิธีการอัพเดต ทำไมน่ะหรอครับ เราจะเห็นได้ว่าเราเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กหลายวิธี เล่นได้ทุกที่ ทุกเวลา ดังนั้นเราก็ต้องเผื่อวิธีการอัพเดตเอาไว้บ้าง เช่น เราไปปฏิบัติงานต่างจังหวัดเราก็ต้องสามารถอัพเดตได้ เพราะวิธีการอัพเดตมีมากมายเช่น อัพเดตผ่านเว็บไซด์โซเชียลเน็ตเวิร์กนั้น อัพเดตผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือจะอัพเดตผ่านอีเมล์ รวมไปถึงการเชื่อมโยงกับโซเชียลเน็ตเวิร์กตัวอื่นเพี่อให้การอัพเดตเป็นไป ได้ง่ายขึ้น เช่น เราอัพรูปใน fliker แต่รูปนั้นสามารถดูได้จากเฟซบุ๊ค ไฮ5 หรือจะคลิกได้จากลิงค์ในทวิตเตอร์ และนั่นเองเป็นวิธีอัพเดตที่ชาญฉลาด เพราะ เราไม่ต้องมาเสียเวลาอัพเดตหลายครั้ง และสามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องสนใจปัจจัยแวดล้อมอะไรมากมาย
5.เรื่องที่จะนำเสนอ การนำเสนอเรื่องราวต่างๆ เราะต้องมีการศึกษา และทำความเข้าใจเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้งเพื่อที่จะให้ผู้ที่ติดตามอ่าน แล้วสามารถที่จะเข้าใจและประทับใจ รวมไปถึง สามารถตอบคำถามข้อสงสัยจากผู้อ่านได้ทั้งนี้คงไม่ยากเพราะการที่เราจะนำเสนอ เราคงจะศึกษามาอย่างดีอยู่แล้ว หรือถ้ายังไม่แน่ใจเราก็อาจจะศึกษาจากที่อื่นเพิ่มเติม เช่น อาจรวบรวม บทความข้อความ ที่คนอื่นได้เขียนไว้มาศึกษาเปรียบเทียบ และทำควมเข้าใจ
4.ศึกษาเทคนิคการเขียน อันนี้ผู้เขียนบล็อกหลายท่านได้ทำการศึกษามาแล้ว บางคนเก่งกว่าผมหลายเท่าเลย อันนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะคนอ่านจะกลับมาอ่านซ้ำหรือไม่ก็ตรงนี้แหละครับ ตรงที่ว่าเขาอ่านแล้วประทับใจเราแค่ไหน นั่นน่ะสำคัญเลย เพราะเราจะเห็นได้ว่า คนแต่ล่ะกลุ่มให้ความสนใจ ในเรื่องต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป ดังนั้นอันนี้เป็นเรื่องของจิตวิทยามวลชนครับ ว่าหากเรามีกลุ่มเป้าหมายแบบนี้เราจะนำเสนออย่างไร และการนำเสนอเราก้ต้องนำเสนอ ข้อมูลในชิงบวกให้ได้มากที่สุดเพราะหากมีการเปลียบเทียบกับที่อื่นหรือ ข้อมูลอื่นถ้าผลการเปลียบเทียบข้อมูลเราดีกว่า ครบถ้วนกว่า น่าสนใจกว่า ก็สงผลให้ข้อมูลของเราน่าเชื่อถือกว่าเช่นกัน อันนี้เปนเทคนิคที่หลายคนใช้แล้วประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายเลยทีเดียว
5.ใช้วิตเจตมาช่วยในการประยุกต์ การนำเสนอเราจะเห็นพวกวิตเจต ต่าง ๆ มากมาย เช่น mybloglog ,frend conce อันนี้ก็ดีมากเลยครับ เรานำเอาวิตเจ็ตพวกนี้มาช่วยในการนำเสนอได้ก็จะเป็นผลดีเช่นกันเพราะจะช่วย ให้การนำเสนอเป็นไปได้ง่านและสมบูรณ์แบบมากขึ้น
6.และที่สำคัญ เราต้องเชื่อมโยงโซเชียลเน็ตเวิร์กหลาย ๆ ตัวเข้าด้วยกัน อันนี้หลายคนคงสงสัยว่าทำไม ที่จริงข้อนี้มันอธิบายตัวมันเองได้อยู่แล้วคือ
- อัพเดตง่าย คือเราสามาถเล่นเฟซบุ๊คบนทวิตเตอร์ หรือสามารถอัพโหลดรูปเข้า flicker แล้วไปดูได้ในเฟซบุ๊ค อันนี้ช่วยให้เาสะดวกมากขึ้นครับ
- กระจายกลุ่มเป้าหมาย ถึงแม้ว่า โซเชียลเน็ตเวิร์กแต่ละตัว มีมีกลุ่มเป้าหมายต่างกัน แต่นั่นไม่ใช่กฏเกณฑ์ที่ตายตัวดังนั้นหากมีการเชื่อมโยงการอัพเดตไว้จะช่วย ให้เรา เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มาขึ้น อันนี้จะเปนปัจจัยกระตุ้น ให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
- ช่วยให้เกิดกระแส เพราะถ้าเราอัพเดต ได้บ่อย ๆ ในหลายตัว อันนี้จะเกิดกระความนิยมครับ เคยมีคนถามผมว่า ถ้าอัพเดตข้อความซ้ำ ๆ กันบ่อย ๆ จะดีหรือไม่ ถ้าฟังดูแบบผิวเผิน อาจดูเหมือนเป็นความคิดบ้า ๆ แต่ถ้าดูในมุมมองแบบลึก ๆ ผมบอกได้เลยว่าเป็นแนวคิดที่ดีมากเลยทีเดียว ประเด็นก็คอในแต่ละช่วงเวลา มีคนเล่นต่างกันเพราะไม่มีใครเฝ้าดูเราตลอกด 24 ชั่วโมลดังนั้น เราอัพเดตข้อความซ้ำกันเราก็จะมั่นใจไ้ด้เลยว่าคนได้อ่านเยอะ แน่นอนหรือถ้าใครได้เห็นหลาย ๆ ครั้งสิ่งที่เราจะได้เห็นแน่นอนคือการจดจำ ยิ่งเห็นบ่อยยิ่งจำอันนี้แน่นอน ครับเพราะงั้น การพฃอัพเดตข้อความซ้ำอาจได้ผลดี ถ้าหากใช้ให้เป็นเลือกจังหวะให้ถูกต้อง
****อ้อ เกือบลืมไป****
ถ้าคนเขียนบล็อก หรือเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ตัวไหนก็ตาม อีกข้อที่ต้องเลือกต้องดูว่าเหมาะสมกับเราหรือไม่ ที่ขาดไม่ได้เลยนะครับ คืดการดีไซด์และการตกแต่งการเลือกที่ให้เหมาะกับเนื้อหา มีความสามารถเหมาะกับเนื้อหาที่น้องการนำเสนอสามารถตกแต่งไ้ด้เข้ากับสิ่ง ที่เราอยากนำเสนออันนี้ก็สำคัญครับในการเลือกใช้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์ตัว ไหนเรื่องแบบนี้ก็สำคัญเช่นกัน
หรือจะเป็นกระแสความนิยมในโซเขียลเน็ตเวิร์แต่ละตัวอันนี้เป็นปัจจัยไม่ ตายตัวแต่เราก็ต้องทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถ ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กได้ถูกต้องตามรูปแบบที่ต้องการ และประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริงนะครับ
แต่ทั้งนี้การวิเคราะห์ในประเด็นข้างต้นเป็นประเด็นหลัก ๆ เท่านั้นแต่ก็ยังมีปัจจัยอีกมากมาย ที่เกี่ยวข้อง และต้องนำมาวิเคราะห์โดยละเอียดแต่ที่ผม นำเสนอมันเป็นประเด็นหลักที่เราสามารถแตกย่อยได้ และแต่ละประเด็นเป็นประเด็นที่ผมได้มีการทดลองมาแล้วดังนั้นเอาเป็นว่าลอง วิเคราะห์กันตมนี้ก่อน หากใครมีปัญหาอย่างไงก็ถามกันเข้ามาได้นะครับ หรือแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้ มาแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกัน ๆ และกัน เพื่อให้บทความต่าง ๆ สมบูรณ์มากขึ้นต่อไป