หลังจากที่เราได้ศึกษาเรื่องการทำตลาดผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กไปบ้าง และก็การทำ SEO กันไปบ้างแล้ว และหลานคนก็เอาไปทดลองใช้กันบ้างแล้ว แต่พอใช้แล้ว ได้ผลไม้ได้ผลขึ้นอยู่กับความตั้งใจของคนใช้ล่ะ แต่ทั้งนี้พอเราใช้ได้ผลเราก็มีอะไรให้คิดอีก เช่นบางคนมีความรู้ในหลาย ๆ เรื่อง อยากนำเสนอมันให้ครบทุกเรื่องไปเลย อย่างเช่นผมเองก็นำเสนอ 2 เรื่องหลัก ๆ ในเว็บนี้คือ เรื่องธรรมชาติ กับ เรื่องไอที ที่คุณผู้อ่านกำลังอ่านนี่หละ แต่กับบางคน มีสินค้าหลายตัว อยากแยกนำเสนอไปหลายเว็บ แต่ปัญหามันก็คือ ไปจดโดเมนไว้หลายโดเมนมันเสียค่าใช้จ่ายเยอะนี่สิ ก็เลยต้องนำเสนอซ้ำไปซ้ำมา ไม่เป็นหมวดหมู่ คนอ่านก็งง ผมก็เลยเอาเรื่องต่อไปนี้มานำเสนอเพื่อให้ผู้อ่านได้ แก้ปัญหาข้างต้น ที่มันมากวนใจให้คิดอยู่ตลอดเวลานี่ล่ะ เอาล่ะ พูดมาเสียเวลา เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ถ้าพูดถึงนักการตลาดออนไลนือย่างท่านผู้อ่านแล้ว ก็คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Wordpress(WP) และผมก็คาดว่าท่านผู้อ่านคงได้มีโอกาสได้ใช้กันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย เพราะงั้นคงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากมายครับ เพราะ เราก็คงจะรู้ ๆ กันดีอยู่แล้วนะครับ ว่า WP มันก็คือ เว็บบล็อกรูปแบบหนึ่ง แต่ด้วยความสามารถที่สามารถติดตั้งปลั๊กอินเข้าไปในระบบได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งมมีปลั๊กอินให้ลือกเพียบทำให้ WP กลายเป็น CMS อีกตัวที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ทำเว็บไซด์ได้อย่างสมบูรณ์ แม้ความสามารถจะยังน้อยกว่า CMS ตัวอื่น แต่อย่างน้อย หลาย ๆ ท่านก็ประสบความสำเร็จในการทำตลาดกับ WP มาพอสมควร
แต่สิ่งที่ผมสนใจมันไม่ใช่เรื่องของ CMS อย่างเดียวครับ แต่ผมสนใจมากกว่าคือการทำตลาดครับ และรูปแบบการทำตลาดที่ผมอยากนำเสนอ มันก็คือการรุกตลาดแบบรวดเร็ว เพราะมันจะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และการทำตลาดต้องมีความกว้างพอที่จะเข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่ม ดังนั้นเราจึงต้องมีการเลือกสรรค์เครื่องมือที่ดีครับ รวมถึงต้องมีกลยุทธที่สนับสนุนการทำตลาดแบบนี้ด้วยเช่นกัน และหนึ่งในกลยุทธที่สนับสนุนกาทำตลาดแบบนี้ก็คือการสร้างกระแสและจะสร้างกระแสได้รวดเร็วก็คงหนีไม่พ้น ทำตลาดแบบกลุ่มแต่ปัญหาคือเราต้องมีเว็บไซด์เยอะครับ แต่นั่นมันคือเรื่องค่าใช้จ่ายแน่นอน
วันนี้ผมเลยขอแนะนำเครื่องมือที่ลดคาใช้จ่ายกันหน่อยครับ และเครื่องมือนั้นก็คือWPMU(WordpressMU)ที่จริงเจ้านี่มันก็ไม่ได้ต่างกับ WP ทั่ว ๆ ไปสักเท่าไร แต่สิ่งที่มันเพิ่มมาคือ มันมีระบบจัดการแบบ Multi User ครับ คือมันสามารถที่จะมีบล็อก หรือมีเว็บไซต์หลายเว็บไซต์ในโดเมนเดียว ซึ่งเท่าที่ผมได้ลองทดลองดู มันสามารถทำได้ถึง 500 เว็บไซต์เลยครับ และสามารถบริหารจัดการ Blog ทั้งหมดแยกจากกันอย่างอิสระ กำหนดค่าต่างๆ ให้แต่ละบล็อก ไม่เหมือนกันได้อีกด้วย ซึ่งสามารถติดตั้งได้ทั้งระบบ Sub Domain (http://xxx.domain.com) หรือแบบ Sub Directory (http://domain.com/xxx) โดย Admin กำหนดการ ให้ Blog ใช้ Themes, Plugins ต่างๆ ที่กำหนดไว้ได้ เพราะงั้นมันจึงสามารถช่วยให้เราจัดการการตลาดแบบกลุ่ม หรือสร้างกระแสได้อย่างรวดเร็วซึ่งถ้าเราใช้การตลาดแบบนี้
เราจะมีข้อดีดังนี้ครับ
- มีความน่าเชื่อถือ เพราะดูเหมือนกับว่า มีหลายเว็บไซด์ให้อ้างอิง
- เข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่มในการนำเสนอสินค้าประเภทเดียวกัน เพราะเราจะะเห็นว่าการจัดหน้าเว็บก็เป็นอีกอย่าง ที่ทำให้เข้าถึงลูกค้า กลุ่มไหนได้ หรือไม่ เช่น ลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น จะชอบหน้าเว็บที่มีสีสรรค์สวยงาม มีลูกเล่นเยอะ แต่ถ้าเป็นลูกค้าวัยทำงานจะเน้นที่หนาเว็บที่ดูสบายตา ดังนั้นหากสินค้าเราใช้ได้กับลูกค้าหลายกลุ่ม เราก็ใช้กลยุทธแบบนี้ทำตลาดได้เช่นกัน
-สามารถนำเสนอสินค้าได้หลายหมวดหมู่ อันนี้น่าสนใจมากครับ เพราะ เราสามารถนำเสนอสินค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เยอะมาก เพราะมีเว็บไซต์เยอะครับ โดยเราเน้นไปที่ สินค้าชิ้นเล็ก ๆ น้อยๆ แต่สินค้ามากอย่าง เราก็สามารถทำได้ด้วยเครื่องมือนี้เช่นกัน
- สามารถแบ่งหมวดหมู่เนื้อหาได้ดี แน่นอนครับ มีหลายเว็บนี่ครับแบ่งได้ดีอยู่แล้ว จะเอากี่หมวดก็ได้
-เข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง อันนี้ก็น่าสนใจครับ เพราะว่าเรามีเว็บหลายเว็บ อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ถึงรสนิยมของลูกค้าเช่น ทราบว่าลูกค้ากลุ่มไหนชอบสินค้าแบบไหน
-กำหนดเป้าหมายได้ถูกต้อง อันนี้เป็นผลพวงจากข้อก่อนหน้า เพราะเราทราบความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มเราก็เจาะจงขายสินค้าให้กลุ่มเป้าหมายได้ถูกกลุ่ม
- มีอีกเยอะ คิดออกจะมาเล่าให้ฟังต่อครับ
แต่สิ่งที่ผมสนใจมันไม่ใช่เรื่องของ CMS อย่างเดียวครับ แต่ผมสนใจมากกว่าคือการทำตลาดครับ และรูปแบบการทำตลาดที่ผมอยากนำเสนอ มันก็คือการรุกตลาดแบบรวดเร็ว เพราะมันจะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และการทำตลาดต้องมีความกว้างพอที่จะเข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่ม ดังนั้นเราจึงต้องมีการเลือกสรรค์เครื่องมือที่ดีครับ รวมถึงต้องมีกลยุทธที่สนับสนุนการทำตลาดแบบนี้ด้วยเช่นกัน และหนึ่งในกลยุทธที่สนับสนุนกาทำตลาดแบบนี้ก็คือการสร้างกระแสและจะสร้างกระแสได้รวดเร็วก็คงหนีไม่พ้น ทำตลาดแบบกลุ่มแต่ปัญหาคือเราต้องมีเว็บไซด์เยอะครับ แต่นั่นมันคือเรื่องค่าใช้จ่ายแน่นอน
วันนี้ผมเลยขอแนะนำเครื่องมือที่ลดคาใช้จ่ายกันหน่อยครับ และเครื่องมือนั้นก็คือWPMU(WordpressMU)ที่จริงเจ้านี่มันก็ไม่ได้ต่างกับ WP ทั่ว ๆ ไปสักเท่าไร แต่สิ่งที่มันเพิ่มมาคือ มันมีระบบจัดการแบบ Multi User ครับ คือมันสามารถที่จะมีบล็อก หรือมีเว็บไซต์หลายเว็บไซต์ในโดเมนเดียว ซึ่งเท่าที่ผมได้ลองทดลองดู มันสามารถทำได้ถึง 500 เว็บไซต์เลยครับ และสามารถบริหารจัดการ Blog ทั้งหมดแยกจากกันอย่างอิสระ กำหนดค่าต่างๆ ให้แต่ละบล็อก ไม่เหมือนกันได้อีกด้วย ซึ่งสามารถติดตั้งได้ทั้งระบบ Sub Domain (http://xxx.domain.com) หรือแบบ Sub Directory (http://domain.com/xxx) โดย Admin กำหนดการ ให้ Blog ใช้ Themes, Plugins ต่างๆ ที่กำหนดไว้ได้ เพราะงั้นมันจึงสามารถช่วยให้เราจัดการการตลาดแบบกลุ่ม หรือสร้างกระแสได้อย่างรวดเร็วซึ่งถ้าเราใช้การตลาดแบบนี้
เราจะมีข้อดีดังนี้ครับ
- มีความน่าเชื่อถือ เพราะดูเหมือนกับว่า มีหลายเว็บไซด์ให้อ้างอิง
- เข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่มในการนำเสนอสินค้าประเภทเดียวกัน เพราะเราจะะเห็นว่าการจัดหน้าเว็บก็เป็นอีกอย่าง ที่ทำให้เข้าถึงลูกค้า กลุ่มไหนได้ หรือไม่ เช่น ลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น จะชอบหน้าเว็บที่มีสีสรรค์สวยงาม มีลูกเล่นเยอะ แต่ถ้าเป็นลูกค้าวัยทำงานจะเน้นที่หนาเว็บที่ดูสบายตา ดังนั้นหากสินค้าเราใช้ได้กับลูกค้าหลายกลุ่ม เราก็ใช้กลยุทธแบบนี้ทำตลาดได้เช่นกัน
-สามารถนำเสนอสินค้าได้หลายหมวดหมู่ อันนี้น่าสนใจมากครับ เพราะ เราสามารถนำเสนอสินค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เยอะมาก เพราะมีเว็บไซต์เยอะครับ โดยเราเน้นไปที่ สินค้าชิ้นเล็ก ๆ น้อยๆ แต่สินค้ามากอย่าง เราก็สามารถทำได้ด้วยเครื่องมือนี้เช่นกัน
- สามารถแบ่งหมวดหมู่เนื้อหาได้ดี แน่นอนครับ มีหลายเว็บนี่ครับแบ่งได้ดีอยู่แล้ว จะเอากี่หมวดก็ได้
-เข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง อันนี้ก็น่าสนใจครับ เพราะว่าเรามีเว็บหลายเว็บ อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ถึงรสนิยมของลูกค้าเช่น ทราบว่าลูกค้ากลุ่มไหนชอบสินค้าแบบไหน
-กำหนดเป้าหมายได้ถูกต้อง อันนี้เป็นผลพวงจากข้อก่อนหน้า เพราะเราทราบความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มเราก็เจาะจงขายสินค้าให้กลุ่มเป้าหมายได้ถูกกลุ่ม
- มีอีกเยอะ คิดออกจะมาเล่าให้ฟังต่อครับ