ก่อนอื่นมาดูคำว่า รู้เรา กันก่อนครับ คำว่ารู้เราในที่นี้ สิ่งที่ท่านต้องไปทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้นั่นก็คือ คำถามประเภทว่า "ท่านอยู่ในธุรกิจอะไร" "หัวใจหลักของธุรกิจที่ท่านทำอยู่อยู่ตรงไหน มันคืออะไร" หรือ "ท่านมีจุดอ่อนจุดแข็งอะไรบ้าง (ลองใช้หลักการ SWOT Analysys วิเคราะห์ดูนะครับ) และก็ลองเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกับเรา" โดยหลัการแล้วเรื่องพวกนี้ผมเข้าใจว่านักธุรกิจทุกท่านได้วิเคราะห์และทำความเข้าใจกันมาแล้วอย่างละเอียด เพราะเรื่องของจุดแข็ง จุดอ่อน หรือรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน มันต้องเริ่มทำมาแล้วตั้งแต่ก่อนที่จะก่อตั้งกิจการด้วยซ้ำ เพราะงั้นมันก็คงไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ที่ผมต้องยกมานำเสนอก็เพราะบางทีการวิเคราะห์เท่านี้มันยังไม่พอน่ะสิครับ มันต้องมีการวิเคราะห์เพิ่ม สิ่งที่ท่านต้องวิเคราะห์เพิ่มเติมก็คือ จุดแข็ง จุดอ่อน อุปสรรค์ และโอกาส รวมไปถึงรูปแบบของกิจการของท่านจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่หลังจากที่ท่าน จะนำธุรกิจของเข้าสู่ตลาดเสมือน หรือตลาดออนไลน์ และเมื่อท่านวิเคราะห์ตรงนี้ได้แล้วท่านก็ต้องศึกษาเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตในเบื้องลึกด้วยเช่นกัน หลายคนมองว่ามันเป็นช่องทางที่ดีด้วยเหตุผลทางเทคนิค เพราะมันสามารถที่จะนำเสนอได้ในหลายรูปแบบ เช่น เป็นข้อมูล ภาพ ตัวหนังสือ ภาพเคลื่อนไหว เสียง คลิปวีดีโอ และสามารถที่จะแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ใช้สินค้าได้โดยตรง และสะดวกอย่างมาก แต่ผมบอกตามตรงนะครับ แนวคิดแบบนี้เป็นแนวคิดที่ผิด และเป็นที่มาของความล้มเหลวในหลายธุรกิจ เพราะงั้น สิ่งที่ผมอย่างให้ท่านคิดในตอนนี้ไมใช่เรื่องของเทคนิคและวิธีการครับ แต่ผมอยากให้ท่านมองว่าอินเตอร์เน็ตจะเข้ามามีบทบาทต่อธุรกิจของท่านอย่างไร และมันจะเข้าไปเปลี่ยนพฤติกรรม ของลูกค้า ได้หรือไม่และจะเปลี่ยนไปอย่างไร ทั้งมีการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล ระหว่างธุรกิจ และระหว่างธุรกิจต่อผู้บริโภค และเราจะใช้ประโยชน์จากรูปแบบของพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนี้ได้อย่างไรต่างหาก และท่านก็ต้องประเมินให้ได้ว่านวัตกรรมในการติดต่อสื่อสารของอินเตอร์เน็ตที่ว่านี้มี ผลกระทบอย่างไรต่อธุรกิจของเรา ธุรกิจที่เราอยู่หลังจากแปลงเป็นธุรกิจดอทคอมแล้วเปลี่ยนไปหรือไม่ หัวใจธุรกิจยังคงเดิมอยู่หรือไม่ จุดแข็งหรือความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจแตกต่างไปจากเดิมหรือไม่ ถ้าหากคำตอบที่ได้เปลี่ยนไปผู้บริหารจะต้องปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยน แปลงอย่างทันท่วงที และจะต้องสื่อสารให้กับพนักงานในองค์กรอย่างทั่วถึงกันโดยตลอด ผลพวงจากการรู้ตัวเองในข้อนี้ จะทำให้ผู้บริหารสามารถพัฒนากลยุทธ์ให้สอดคล้องกับธุรกิจหลังการเปลี่ยนแปลง จะทำให้สามารถพัฒนาทรัพยากรภายในองค์กร ให้สอดรับกับกลยุทธ์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญ จะทำให้ผู้บริหารสามารถกำหนดทิศทางที่จะเดินไปข้างหน้าได้อย่างชัดเจน
และจากนั้นเราก็มาดูคำว่า รู้เขา เช่นเดียวกันกับการ "รู้เรา" คำถามประเภทว่า "ลูกค้าของท่านคือใคร" "ความต้องการของลูกค้าคืออะไร" หรือ "พฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของท่านเป็นอย่างไร" อันนี้ผมก็เข้าใจว่าก่อนที่ท่านจะมาทำธุรกิจในปัจจุบันท่านก้ได้วิเคราะห์มาอย่างดีแล้วเช่นกันครับ และเมื่อท่านได้ทำธุรกิจจนมาถึงปัจจุบันท่านก็ได้ศึกษามันมาเป็นอย่างดี แต่ก็อีกนั่นแหละครับ สำหรับผมรู้เท่านี้มันไม่พอครับ สิ่งที่ท่านต้องวิเคราะห์เพิ่มเติมมันก็คือ ถ้าท่านไปทำธุรกิจโดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแล้ว "ลูกค้าของท่านยังใช่กลุ่มเดิมอยู่หรือไม่""ความต้องการใหม่ของลูกค้ากลุ่มนี้คืออะไร"หรือ"พฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของท่านเปลี่ยนไปอย่างไร" ท่านต้องทำการศึกษาโดยละเอียดและวิเคราะห์ข้อมูลให้ถ่องแท้ เพื่อศึกษาว่า การสื่อสารระหว่างธุรกิจกับทั้งลูกค้า พนักงานในองค์กร คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ ต้องเป็นรูปแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ก่อให้เกิดการทำงานร่วมกัน (Collaboration) การปฏิสัมพันธ์ (Interaction) และธุรกรรม (Transaction) ใน แบบที่แตกต่างออกไปได้อย่างไร ผนวกเข้าในกระบวนการธุรกิจเดิมได้อย่างไร และสามารถสร้างคุณค่าของกิจการให้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างไร ซึ่งมาถึงตรงนี้เริ่มมองทิศทางออกแล้วใช่ไหมครับว่ากลลยุทธ์ที่เราจะพูดกันต่อไปมันคืออะไร
สิ่งที่เราต้องมองกันต่อนั่นคือ การสร้างสิ่งใหม่ ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งเดิม ๆ เหตุผลที่เราต้องสร้างตรงนี้ก็เพราะรูปแบบของการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างออกไปมันจะทำให้ข้อจำกัดเดิม ๆ ที่เคยเกิดขึ้นหมดไปในทันที ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ การสื่อสาร การขนส่ง ระยะทาง หรือว่าช่องทางการตลาดที่แคบ เพราะฉนั้นสิ่งที่ท่านต้องคิดก็คือจะทำอย่างไรที่ธุรกิจของท่านจะอยู่บนโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กับการไร้ข้อจำกัดดังกล่าว
สร้างวัฒนธรรมขององค์กรให้เหมาะกับที่ท่านจะแปรรูปธุรกิจเข้าสู่โลกออนไลน์ สิ่งที่ท่านต้องทำแน่ ๆ เมื่อธุรกิจของท่านกำลังจะแปรรูปเข้าสู่โลกออนไลน์ ซึ่งก็เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ที่นอกเหนือจากนวัตกรรม และเทคโนโลยี นั่นก็คือ การสร้างวัฒนธรรมขององค์กรใหม่ ๆ ทำให้พนักงานเห็นข้อดีของธุรกิจที่อยู่บนโลกออนไลน์ ทำให้พนักงานทุกคนเข้าสู่โลกออนไลน์ให้ได้มากที่สุด และสร้างจริยธรรมให้กับพนักงาน และผู้บริหารเองก็ต้องมีมาตรการต่าง ๆ ทั้ง บังคับและจูงใจเพื่อให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของพนักงาน จากระบบเก่า ไปสู่ระบบออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปรับโครงสร้างขององค์กรให้เหมาะกับการนำธุรกิจเข้าสู่โลกออนไลน์ หลายคนอาจยังไม่ได้คิดถึงข้อนี้ แต่ผมบอกตาตรงนะครับ การปรับโครงสร้างขององค์กรให้เหมาะสมเป็นสิ่งที่มีผลมากต่อความสำเร็จหรือล้มเหลว เพราะงั้น เราก็ต้องศึกษาถึงรูปแบบขององค์ที่มีความเหมาะสมเมื่อธุรกิจของคุณไปอยู่บนโลกออนไลน์ แต่ถ้าให้ผมบอก ก็ขอบอกตามตรงนะครับ โครงสร้างขององค์กรที่เหมาะสมที่สุดคือการใช้โครงสร้างขององค์กรแบบยืหยุนครับ นั่นก็เพราะ องค์ประกอบที่มากับอินเตอร์เน็ตคือ "เทคโนโลยี" ผลพวงที่เกิดจากอินเตอร์เน็ตคือ "การเปลี่ยนแปลง" สอง สิ่งนี้เป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจจำต้องปรับโครงสร้างของธุรกิจให้มีความ ยืดหยุ่นมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัว เพราะหลังจากการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ และนำเอาระบบบริหารงานใหม่ ๆ อีกท้ง รูปแบบของธุรกิจที่แตกต่าง ซึ่งหากองค์กรของคุณมีความยืดหยุ่นสูง การนำเอาสิงเหล่านี้เข้ามาประยุกต์ใช้ก็ง่ายดาย และเกิดประสอทธิภาพ อีกทั้งสอดคล้องกับความเป็นจริงของตลาดมากที่สุด ซึ่ง ถ้าคุณใช้รูปแบบองค์กรที่เหมาะสม ก็จะเห็นผลดังนี้ครับ
- ช่วยเพิ่มศักยภาพของธุรกิจในการปรับตัวให้รับกับแนวโน้มของตลาดได้อย่างทันท่วงที
-ช่วยลดค่าใช้จ่ายลงทุนในระบบงาน
-ช่วยผนวกระบบระหว่างลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น ธุรกิจที่มีประสบการณ์ในการจัดส่งสินค้าหรือมีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าใน ลักษณะที่เป็นจำนวนคราวละมากๆจะต้องเรียนรู้ในการบริหารช่องทางในแบบเฉพาะราย และยังรายละเอียดอีกมากมายที่ต้องศึกษา และนำมาใช้ร่วมกับระบบบริหารงาน
เอาล่ะครับจากข้อมูลข้างต้น พอมองออกถึงอนาคตของธุรกิจท่านหรือยังครับ เดี๋ยวตอนหน้าเรามาดูกันว่า กลยุทธที่เหลือจะเป็นอย่างไร และต้องปรับปรุงอะไรอีกบ้าง
เ่ลือกหมวดหมู่ย่อยที่ต้องการอ่าน
All
คอมพิวเตอร์
Affiliate
Artisteer
Blog
Blogger
Browser
Cloud Computing
Computer
Design
Drop Shipping
E Commerce
E Commmerce
E Mail Marketing
E Markering
E Marketing
Facebook
Fan Page
Gadget
Google Adsense
Google Buzz
Google Docs
Google Readder
Internet
Linkedin
M Commerce
Mlm
M Marketing
Seo
Smo
Social Gadget
Social Media
Social Network
Software
Twitter
Viral Marketing
Website
Youtube