มองการไกล รองรับอนาคต นั่นคือก่อนเข้ามาทำธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ ต้องปรับตัว ปรับใจ และ "แนวคิด" เสียก่อน นั่นก็เพราะว่า ธุรกิจหลังจากที่แนวคิดไอเดียทางธุรกิจ วันนี้เรามาเตรียมพร้อมกันหน่อยดีกว่านะครับ วันนี้มาเตรียมพร้อมให้กับตัวเองกันหน่อยดีกว่านะครับ มาดูว่าเราต้องเตรียมพร้อมเรื่องอะไรบ้าง ลองมาดูกันนะครับ สิ่งที่ผู้บริหารธุรกิจE-Commerce จะต้องศึกษาและควรที่จะต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงและคำนึงถึงก่อนที่จะทำธุรกิจE-Commerce คือ นั้นไม่เหมือนกับธุรรกิจทั่ว ๆ ไปครับ เพราะงสิ่งแรกที่เราจะเห็นได้ก็คือ การตลาดที่ไม่จำกัดพื้นที่ นั่นคือ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่คุณสามารถขายสินค้าให้กับลูกค้าทั่วโลก ดังนั้น สิ่งที่คุณจะเจอเป็นสิ่งแรกก็คือ กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายวัฒนธรรม หรือต่างพฤติกรรมกัน เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการจำเป็นต้องมองให้ไกล มีวิสัยทัศน์ที่สามารถยอมรับกับธุรกิจยุคใหม่ได้ นั่นคือ ต้องมองแนวโน้ม และทิศทางการค้ายุคใหม่ โดยการเปิดรับความคิดใหม่ๆ ต้องคิด และเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อน มีการพยากรอนาคต มีการศึกษาเทคนิคและวิธีการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และมีการปรับตัว ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นวิสัยทัศน์ต้องกว้างไกล มองการไกล สู่อนาคตครับ
เตรียมความพร้อมด้านความรู้
พัฒนาทักษะความรู้ที่จำเป็น ผู้ประกอบการจะต้องมีความรู้พื้นฐาน รวมถึงความรู้ที่เกี่ยวข้องในระดับที่สามารถประยุกต็ใช้งานได้ เช่นความรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ และการตลาด (ที่จริงความรู้ด้านการดำเนินธุรกิจ และด้านการตลาด คุณสามารถศึกษาจากเว็บนี้ได้อย่างครบถ้วนเช่นกัน) ความรู้ด้านอินเตอร์เน็ต เอาประมาณว่าขอใให้สามารถที่จะใช้อินเตอร์เน็ตเป็นศึกษาข้อมูลได้ถูกต้องก็น่าจะพอครับ (ผมเข้าใจว่าถ้าทุกท่านเข้ามาอ่านบทความในเว็บนี้ นั่นหมายถึง ท่านมีความรู้เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตในระดับที่พอสมควรเช่นกัน) ความรู้ด้านภาษาเช่นภาษาอังกฤษ(เอาล่ะสิ หลายท่านอาจท้อแท้ แต่ผมบอกตามตรงยังไม่ต้องท้อครับ เพราะท่านเองมีเวลาเตรียมตัวได้อีกนาน เพราะะในช่วงแรกก็หาเลขาเก่งภาษาสักคนก็อาจแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง จากนั้นท่านก็ศึกษาเรื่องภาษาไป สัก1-2 ปีก็น่าจะมีเวลาพอที่จะทำให้ท่านผู้บริหารทุกท่านสามารถคุยกับชาวต่างชาติได้อย่างสบาย ๆ)
เตรียมตัวด้านการดำเนินงาน
คิดใหญ่ ทำทีละส่วน(ทำให้ง่าย) เนื่องจากตลาด E-Commerce เป็นตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดตลาดหนึ่งในโลลก เพราะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา และไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของ สถานที่ดังนั้นคุณจะสามารถเข้าถึงคนได้ทั่วโลกเช่นกัน ดังนั้น สิ่งที่ต้องเตรียมตัวตรงนี้คือ คุณต้องวางแผนธุรกิจในระยะยาว วางแผนให้กว้าง เช่น คิดไว้ว่า อีก 5 ปี ธุรกิจคุณจะต้องเป็นที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ (ที่จริงถ้าผู้บริหารทุกท่านสามารถนำบทความของผมไปประยุกต์ใช้ให้ดี อาจใช้ระยะเวลลาเพียง 1-2 ปีเท่านั้นเอง) หลังจากที่มีแผนกว้างไกลแล้วมันยังไม่ดีพอครับ ในการปฏิบัติเราต้องทำตรงข้ามคือ แบ่งงานออกเป็นส่วน ๆ ทำส่วนเล็ก ๆ แบ่งระยะเวลาที่จะปฏิบัติงานในแต่ละส่วน มีการติดตามและประเมินผลในแต่ละช่วงอย่างชัดเจน
เตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลง
มีแผนรองรับ และงัดขึ้นมาเป็นไม้เด็ดได้ตลอดเวลา ในฐานะที่เป็นผู้บริหารจะต้องมีการคาดการณ์ล่วงหน้าในทุกเรื่อง แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าจะการเปลี่ยนแปลงแบบกระทันหันจะไม่เกิดขึ้นนะครับ ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นโดยไม่คาดหมายเช่น คู่แข่งอาจเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ฉนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นเราต้องมีไม้เด็ด มีกลยุทธ์ที่ดี สามารถงัดขึ้นมาใช้ได้อย่างทันท่วงที ไม่ควรรอเวลา เพราะการรอเวลา อาจทำให้คุณล้มเหลวได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น ถ้ามองธุรกิจ E-Commerce ในประเทศต่าง ๆ ที่มีการพัฒนาอย่างสมบูรณ์เช่น ญี่ปุ่น หรือสหรัฐอเมริกา เราจะมองเห็นนักธุรกิจต่างงัดเอากลยุทธ์ทางการตลาด มาโต้ตอบกันอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราก็ควรทำได้แบบนั้นเช่นกัน
เตรียมพร้อมสู่เป้าหมาย
สร้างแผนงาน สร้างบันไดสู่เป้าหมาย ธุรกิจทุกธุรกิจจะต้องมีแผนการดำเนินการที่ดี และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่กว้าง และ ไม่แคบจนเกินไป สอดคล้องกับแผนธุรกิจ และสามารถติดตามประเมินผลได้อย่าถูกต้องและแม่นยำ และอีคอมเมิร์ซจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของระบบงาน ไม่ใช่เป็นแค่วิธีการขาย ดังน้นแผนงานจะต้องยกเอา E-Commerce เป็นที่ตั้งเสมอในระหว่างแผนงานและการดำเนินงาน
ลองไปทบทวนดูนะครับว่าคุณพร้อมที่จะเป็นผู้บริหารธุรกิจ E-Commerce แล้วหรือยัง
เลือกหมวดหมู่ย่อยที่ต้องการอ่าน
All
คอมพิวเตอร์
Affiliate
Artisteer
Blog
Blogger
Browser
Cloud Computing
Computer
Design
Drop Shipping
E Bussiness
E Commerce
E Mail Marketing
E Marketing
E Marketing
Eyeos
Facebook
Fan Page
Gadget
Google Adsense
Google Buzz
Google Docs
Google Readder
Internet
Linkedin
M Commerce
Mlm
M Marketing
Office 2.0
Ranking
Seo
Smo
Social Gadget
Social Media
Social Network
Software
Twitter
Viral Marketing
Web 2.0
Website
Youtube
Zoho