ถ้าให้นึกถึงสัตว์น้ำ เราคงนึกได้มากมาย 108 พันอย่างงเลยทีเดียว แต่ถ้าให้นึกถึงสัตว์ที่ไม่ใช่ปลา เราคงพูดถึงสัตว์ทะเลกันเป็นส่วนมาก และสัตว์ชนิดหนึ่งที่เราจะพูดกันมันก็คือแมงกระพรุน แต่แมงกระพรุนที่เราเห็นกันตามตลาดอันนั้นมันธรรมดาไปครับ ไปที่ไหนก็เห็นได ใครก็รู้จักก แต่ถ้าให้เรานึกถึง แมงกระพรุนน้ำจืด อันนี้หลยคนถึงกับบอกว่ามันเป็นเรื่องตลกใช่ไหม แตแที่ผมอยากจะนำเสนอในวันนี้มันก็คือแมงกระพรุนน้ำจืดครับ ซึ่งเป็นสัตว์หายากอีกชนิดหนึ่งที่ผมอยากจะนำเสนอ เพื่อให้เราได้ทำการศึกษา และรู้จักกัน เพราะว่าแมงกระพรุนน้ำจืดที่ผมจะพูดถึงมันก็คือสัตว์เมืองไทยเรานี่เอง
แมงกระพรุนน้ำจืดก็เป็นสัตว์น้ำที่ใกล้เคียงกับแมงกระพรุนน้ำเค็ม ในประเทศไทยเราพบได้แถบจังหวัดอุบลราชธานี
ลักษณะ
รูปร่างหน้าตาก็ดูจากภาพจะเห็นว่ามันไม่ต่างกับแมงกระพรุนน้ำเค็มเท่าไร แต่ที่ต่างไปมากคือขนาดครับ เพราะขนาดของแมงกระพรุนน้ำจืด มันขนาดไม่เกินเหรียญ 10 ถือว่าเล็กว่ามากเลยครับ โดยตัวเต็มวัย ที่มีรปรางคล้ายร่ม เราเรียกว่า เมดูซ่าครับ
ลักษณะ
รูปร่างหน้าตาก็ดูจากภาพจะเห็นว่ามันไม่ต่างกับแมงกระพรุนน้ำเค็มเท่าไร แต่ที่ต่างไปมากคือขนาดครับ เพราะขนาดของแมงกระพรุนน้ำจืด มันขนาดไม่เกินเหรียญ 10 ถือว่าเล็กว่ามากเลยครับ โดยตัวเต็มวัย ที่มีรปรางคล้ายร่ม เราเรียกว่า เมดูซ่าครับ
วงจรชีวิต
เมดูซาตัวผู้ปล่อยสเปิร์มลอยไปในน้ำ ขณะที่เมดูซาตัวเมียก็ปล่อยไข่ไปในน้ำ เมื่อไข่และสเปิร์มว่ายน้ำมาเจอกัน ก็จะรวมตัวกันกลายเป็นตัวอ่อนที่เรียกว่า พลานูลา รูปร่างเหมือนหนอนแต่ขนาดจิ๋วประมาณ ๐.๘๐ มิลลิเมตร เป็นตัวอ่อนที่คลานอยู่ใต้ผิวน้ำ ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นโพลิปอันเล็ก ๆ รูปร่างคล้ายกิ่งไม้ โพลิปจะเกาะอยู่กับวัสดุใต้น้ำ แล้วค่อยๆ เติบโตเป็นโพลิปเต็มวัย มันอยู่อย่างนั้นจนได้เวลาที่สภาพแวดล้อมเหมาะสม ส่วนปลายของโพลิปที่คล้ายร่มหงายซ้อนกันเป็นชั้น ๆ จะค่อย ๆ หลุดออกมาทีละชั้น กลายเป็นเมดูซา ลองจินตนาการถึงดอกมะลิซ้อน หรือร่ม (ที่มีหนวดตรงขอบร่ม) หงายซ้อนกันอยู่เยอะๆ แล้วค่อยๆ หลุดออกมาทีละอัน ๆ จากร่มอันเล็ก ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ โต หนวดค่อยยาวขึ้น กลายเป็นแมงกะพรุนให้เราเห็นอีกครั้ง วิธีสืบพันธุ์แบบนี้เป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
เมดูซาตัวผู้ปล่อยสเปิร์มลอยไปในน้ำ ขณะที่เมดูซาตัวเมียก็ปล่อยไข่ไปในน้ำ เมื่อไข่และสเปิร์มว่ายน้ำมาเจอกัน ก็จะรวมตัวกันกลายเป็นตัวอ่อนที่เรียกว่า พลานูลา รูปร่างเหมือนหนอนแต่ขนาดจิ๋วประมาณ ๐.๘๐ มิลลิเมตร เป็นตัวอ่อนที่คลานอยู่ใต้ผิวน้ำ ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นโพลิปอันเล็ก ๆ รูปร่างคล้ายกิ่งไม้ โพลิปจะเกาะอยู่กับวัสดุใต้น้ำ แล้วค่อยๆ เติบโตเป็นโพลิปเต็มวัย มันอยู่อย่างนั้นจนได้เวลาที่สภาพแวดล้อมเหมาะสม ส่วนปลายของโพลิปที่คล้ายร่มหงายซ้อนกันเป็นชั้น ๆ จะค่อย ๆ หลุดออกมาทีละชั้น กลายเป็นเมดูซา ลองจินตนาการถึงดอกมะลิซ้อน หรือร่ม (ที่มีหนวดตรงขอบร่ม) หงายซ้อนกันอยู่เยอะๆ แล้วค่อยๆ หลุดออกมาทีละอัน ๆ จากร่มอันเล็ก ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ โต หนวดค่อยยาวขึ้น กลายเป็นแมงกะพรุนให้เราเห็นอีกครั้ง วิธีสืบพันธุ์แบบนี้เป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
แต่ในธรรมชาติ บางปีก็ไม่มีแมงกะพรุนขึ้นมาในเห็น อีก ๒-๓ ปีมันถึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง แล้วระหว่างนั้นมันหายไปไหน มันเกาะตัวกันเป็นโพลิปอย่างนั้นตลอด ๒ ปีเลยล่ะครับ
และในระหว่างที่มันเป็นโพลิป มันจะสามารถแตกหน่อ หลุดออกมาเป็นตัวอ่อนที่เรียกว่า frustules ซึ่งมีลักษณะคล้ายตัวอ่อนที่เกิดจากการผสมพันธุ์จากไข่และสเปิร์มได้อีกด้วย แต่จะมีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย คือประมาณ ๐.๙๕ มิลลิเมตร ตัวอ่อนที่เกิดจากการแตกหน่อ จะอาศัยอยู่ใต้ท้องน้ำ คลานต้วมเตี้ยมหาอาหารไปเรื่อย ๆ เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมก็จะกลายเป็นโพลิปตัวใหม่ วิธีนี้เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
แมงกะพรุนกินแพลงก์ตอนสัตว์เป็นอาหาร มันกินเข้าไปทางปาก หรือเมนูเบรียมที่อยู่ตรงกลางร่ม เป็นช่องเดียวที่ทั้งเอาเข้าและเอาออก ส่วนถุงขาวๆ ทั้ง ๔ ถุงที่อยู่กลางเส้นรัศมีหรือก้านร่มนั้น เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ เรียกว่า โกแนด
ในปัจจุบัน แหล่งอาศัยถูกทำลายด้วยสาเหตต่าง ๆ มากมายดังนั้น ในอนาคต แมงกระพรุนน้ำจืด มีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะสูยพันธุ์
และในระหว่างที่มันเป็นโพลิป มันจะสามารถแตกหน่อ หลุดออกมาเป็นตัวอ่อนที่เรียกว่า frustules ซึ่งมีลักษณะคล้ายตัวอ่อนที่เกิดจากการผสมพันธุ์จากไข่และสเปิร์มได้อีกด้วย แต่จะมีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย คือประมาณ ๐.๙๕ มิลลิเมตร ตัวอ่อนที่เกิดจากการแตกหน่อ จะอาศัยอยู่ใต้ท้องน้ำ คลานต้วมเตี้ยมหาอาหารไปเรื่อย ๆ เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมก็จะกลายเป็นโพลิปตัวใหม่ วิธีนี้เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
แมงกะพรุนกินแพลงก์ตอนสัตว์เป็นอาหาร มันกินเข้าไปทางปาก หรือเมนูเบรียมที่อยู่ตรงกลางร่ม เป็นช่องเดียวที่ทั้งเอาเข้าและเอาออก ส่วนถุงขาวๆ ทั้ง ๔ ถุงที่อยู่กลางเส้นรัศมีหรือก้านร่มนั้น เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ เรียกว่า โกแนด
ในปัจจุบัน แหล่งอาศัยถูกทำลายด้วยสาเหตต่าง ๆ มากมายดังนั้น ในอนาคต แมงกระพรุนน้ำจืด มีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะสูยพันธุ์