ช่วงนี้เรารู้กันดีว่ายุคนี้เป็นยุคแห่งข่าวสารหรือเทคโนโลยีทำให้เราได้รู้ข่าวสาร หรือเรื่องราวต่าง ๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว เรื่องราวที่เราได้รับรู้ก็มีอยู่มากมาย ทั้งเรื่องราวที่น่าสนใจ เหตุการณ์ และเรื่องแปลก ไปจนถึงเรื่องราวที่เราไม่คาดคิดมาก่อน ผมเองก็ได้ยินเรื่องต่าง ๆ ออกบ่อย แต่ทั้งนี้เรื่องราวที่ผมจะเชื่อหรือไม่ก็ขอให้เรื่องนั้นมีเหตุและผลที่จะอธิบายตัวมันเองได้ชัดเจนก่อน และหนึ่งในเรื่องราวที่ได้ยินบ่อยครังและก็สร้างความแปลกใจให้ผู้คนได้ทุกครั้งนั่นคือเรื่องของกบ ไม่ใช่กบธรรมดาแน่ ๆ ครับ แต่เป็นเรื่องของกบ ที่มีมากกว่า 4 ขา ที่เราจะพบเห็นได้บ่อยครั้ง ตามหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นเรื่องที่ฮือฮาและน่าสนใจสำหรับเซียนเสี่ยงโชคเลยทีเดียว แต่สำหรับผมมันยังไม่แต่กต่างมากนักกับกบทั่วไป แต่ไหน ๆก็เคยพูดถึงกบบินมาแล้ว วันนีก็เลยขอนำเสนอเรื่องกบ 5 ขาซะเลย
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกับเรื่องของโลกเรากันก่อนเป็นที่ทราบกันดีนะครับว่าในช่วง 10 ปีมานี้โลกเรามีควาามเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเลยทีเดยว ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ สภาพแวดล้อม รวมถึงอีกหลาย ๆ ด้าน ดังนั้นทำให้เกิดเรื่องต่าง ๆ มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคติดต่อ เชื้อโรค ไวรัส หรือปรสิต และที่เราจะพูดกันในเรื่องนี้มันก็คือผลจากโรคร้อนนี่แหละครับ เพราะ เรื่องของกบ 5 ขา ที่ผมจะเขียนมันเริ่มต้นที่ ปรสิตชนิดหนึ่ง แต่ที่ผมกล่าวถึงโรคร้อนในข้างต้น เพราะโลกร้อนทำให้ปรสิตเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นได้รวดเร็ว ดังนั้น จึงต้องพูดถึงนิดหนึ่ง
เอ้ามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า เราทราบกันดีครับว่ากระบวนการเจริญเติบโตของกบไม่ได้เหมือนกับสัตว์เลี้งลูกด้วยนมทั่วไป เพราะมันมีการเติบโต 2 ระยะ คือ ระยะตัวอ่อนหรือ ลูกอ็อด และระยะตัวเต็มวัย ซึ่งการเติบโตใน
ระยะแรก หรือระยะตัวอ่ออน มันเป็นลูกอ็อดช่วงนีมันจะมีความอ่อนแอร์มากครับจึงมีความเสี่งที่จะติดโรค ต่าง ๆได้ง่าย และ 1 ในสาเหตุของโรคนั้นก็มาจากปรสิตจำพวก trematodes (ขออนุญาติไม่นำเสนรูปเพราะมันไม่ค่อยน่าดูเลยครับ)ชึ่ง มันเริ่มต้นจากที่ปรสิตพวกนี้ มันจะอาศัยกินลูกอ็อด โดยมันจะเกาะที่ตัวของลูกอ็อด และดูดกินของเหลว อาหาร หรือเลือดอะไรพวกนี้ และมันจะไม่ยอมละครับ มันก็จะเกาะติดไปเรื่อย ๆ พอมันเกาะอยู่เป็นเวลานาน บวกกับเป็นช่วงที่กบกำลังเจริญเตอบโต ดังนั้น จึงเกิดความผิดปกติทางร่างกายขึ้นในตัวของลูกอ็อด โดยะเกิดเป็นถุงน้ำ หรือที่เรียกเป็นภาษาทางวิชาการว่าถุงซีส ฝังอยู่ใต้ผิวนังของกบ และถุงซีสนี้จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และช่วงเวลานี้เองที่กบตัวอ่อน หรือลูกอ็อดจะมีการพัฒนาการ ในเรื่องของสรีระเช่น มีขางอกออกมา ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ถุงซีสที่เกิดขึ้น ไปกระตุ้นปฏิกิริยาในร่างกายของกบ ทำให้กบพัฒนาขาขึ้นมาอีกขาหนึ่งตรงบริเวณที่เป็นซีส และถ้าหากถูกปรสิตเล่นงานหลานตัว ก็จะมีเพิ่มมาอีกหลายขา ซึ่งมันทำให้พวกกบนี้ต้องทรมานไปตลอดชีวิต เพราะมีขาเพิ่มที่ไม่ได้มีประโยน์เอาซะเลยแถมอาจจะเจ็บปวดอีก
เอ้ามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า เราทราบกันดีครับว่ากระบวนการเจริญเติบโตของกบไม่ได้เหมือนกับสัตว์เลี้งลูกด้วยนมทั่วไป เพราะมันมีการเติบโต 2 ระยะ คือ ระยะตัวอ่อนหรือ ลูกอ็อด และระยะตัวเต็มวัย ซึ่งการเติบโตใน
ระยะแรก หรือระยะตัวอ่ออน มันเป็นลูกอ็อดช่วงนีมันจะมีความอ่อนแอร์มากครับจึงมีความเสี่งที่จะติดโรค ต่าง ๆได้ง่าย และ 1 ในสาเหตุของโรคนั้นก็มาจากปรสิตจำพวก trematodes (ขออนุญาติไม่นำเสนรูปเพราะมันไม่ค่อยน่าดูเลยครับ)ชึ่ง มันเริ่มต้นจากที่ปรสิตพวกนี้ มันจะอาศัยกินลูกอ็อด โดยมันจะเกาะที่ตัวของลูกอ็อด และดูดกินของเหลว อาหาร หรือเลือดอะไรพวกนี้ และมันจะไม่ยอมละครับ มันก็จะเกาะติดไปเรื่อย ๆ พอมันเกาะอยู่เป็นเวลานาน บวกกับเป็นช่วงที่กบกำลังเจริญเตอบโต ดังนั้น จึงเกิดความผิดปกติทางร่างกายขึ้นในตัวของลูกอ็อด โดยะเกิดเป็นถุงน้ำ หรือที่เรียกเป็นภาษาทางวิชาการว่าถุงซีส ฝังอยู่ใต้ผิวนังของกบ และถุงซีสนี้จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และช่วงเวลานี้เองที่กบตัวอ่อน หรือลูกอ็อดจะมีการพัฒนาการ ในเรื่องของสรีระเช่น มีขางอกออกมา ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ถุงซีสที่เกิดขึ้น ไปกระตุ้นปฏิกิริยาในร่างกายของกบ ทำให้กบพัฒนาขาขึ้นมาอีกขาหนึ่งตรงบริเวณที่เป็นซีส และถ้าหากถูกปรสิตเล่นงานหลานตัว ก็จะมีเพิ่มมาอีกหลายขา ซึ่งมันทำให้พวกกบนี้ต้องทรมานไปตลอดชีวิต เพราะมีขาเพิ่มที่ไม่ได้มีประโยน์เอาซะเลยแถมอาจจะเจ็บปวดอีก
วงจรชีวิตของปรสิต
นักวิทยาศาสตร์ได้กล่วงถึงวงจรชีวิตของพวกปรสิตในกบเอาไว้ดังนี้ โดยมันเริ่มต้นที่ไข่ ไข่ฟักตัว ตัวอ่อนของเจ้าปรสิตจะเข้าไปฝังตัวในลูกอ็อด และพอจากนั้น ลูกอ็อดจะเติบโตขึ้นพร้อมขาที่เกินมาจากเดิมและโดยธรรมชาติ และปรสิตนี้จะไข่ไว้ในตัวของกบ อีกที และก็ตามหลักการของห่วงโซ่อาหารสัตว์ทุกตัวก็ย่อมมีศัตรู เป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่เช่นกัน กบก็เช่นกันครับ มันเป็นเหยื่อของสัตว์จำพวกนก นกหลายชนิดได้กินเอากบที่มีไข่ของปรสิตเข้าไปโดยส่วนมากจะเป็นนกน้ำ เช่น นกกระยาง นกกระสาเป็นต้น และกระบวนการต่อไปเริ่มต้นตรงที่ นกกระสาไปถ่ายมูลลงในน้ำ ทำให้ไข่ของปรสิต ดังกล่าว ได้มีโอกาสฟักและเป็นตัวในแหล่งน้ำต่าง ๆ พอฟักตัว ปรสิตพวกนี้ก็จะเข้าไปกินลูกอ็อด อีกรอบ ซึ่งทำให้ กบมีโอกาสเสี่ยง แต่ที่เราไม่เห็นบ่อยนักเพราะระหว่างวงจรชีวิตของปรสิต ตรงที่ นกไปถ่ายมูลนะครับ นกทุกตัวไม่ได้ถ่ายมูลลงน้ำเสมอไป ดังนั้นอาจมีผลทำให้ตัดวงรชีวิตของปรสิตลงไปขั้นหนึ่งอันนี้เป็นผลดีครับ
แต่ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้ออกมายีนยันว่าภาวะโลกร้อนทำให้ปรสิตชนิดนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเป็นห่วงว่าในอนาคต จะถึงคิวของปรสิตที่ร้ายแรงมากินมนุษย์อีกบ้างหรือไม่?
ช่วยกันรักษาโลกเรานะครับ
นักวิทยาศาสตร์ได้กล่วงถึงวงจรชีวิตของพวกปรสิตในกบเอาไว้ดังนี้ โดยมันเริ่มต้นที่ไข่ ไข่ฟักตัว ตัวอ่อนของเจ้าปรสิตจะเข้าไปฝังตัวในลูกอ็อด และพอจากนั้น ลูกอ็อดจะเติบโตขึ้นพร้อมขาที่เกินมาจากเดิมและโดยธรรมชาติ และปรสิตนี้จะไข่ไว้ในตัวของกบ อีกที และก็ตามหลักการของห่วงโซ่อาหารสัตว์ทุกตัวก็ย่อมมีศัตรู เป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่เช่นกัน กบก็เช่นกันครับ มันเป็นเหยื่อของสัตว์จำพวกนก นกหลายชนิดได้กินเอากบที่มีไข่ของปรสิตเข้าไปโดยส่วนมากจะเป็นนกน้ำ เช่น นกกระยาง นกกระสาเป็นต้น และกระบวนการต่อไปเริ่มต้นตรงที่ นกกระสาไปถ่ายมูลลงในน้ำ ทำให้ไข่ของปรสิต ดังกล่าว ได้มีโอกาสฟักและเป็นตัวในแหล่งน้ำต่าง ๆ พอฟักตัว ปรสิตพวกนี้ก็จะเข้าไปกินลูกอ็อด อีกรอบ ซึ่งทำให้ กบมีโอกาสเสี่ยง แต่ที่เราไม่เห็นบ่อยนักเพราะระหว่างวงจรชีวิตของปรสิต ตรงที่ นกไปถ่ายมูลนะครับ นกทุกตัวไม่ได้ถ่ายมูลลงน้ำเสมอไป ดังนั้นอาจมีผลทำให้ตัดวงรชีวิตของปรสิตลงไปขั้นหนึ่งอันนี้เป็นผลดีครับ
แต่ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้ออกมายีนยันว่าภาวะโลกร้อนทำให้ปรสิตชนิดนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเป็นห่วงว่าในอนาคต จะถึงคิวของปรสิตที่ร้ายแรงมากินมนุษย์อีกบ้างหรือไม่?
ช่วยกันรักษาโลกเรานะครับ