ช่วงนี้พอมีเวลาว่างเลยนำเสนอข้อมูลผ่านบล็อกได้บ่อย ๆ บางทีวันหนึ่งอาจนำเสนอหลายเรื่อง ก็ลองอ่านย้อนหลังกันเอานะครับ ในช่วงนี้ เรียกว่ามีอะไรต่อมิอะไรที่น่าสนใจเรียกว่าเอามานำเสนอได้หมด ร้อย ทั้ง ร้อยเลยทีเดียว หลังจกที่นำเสนอเกี่ยวกับต้อนไม้ มาบ้าง หลายชนิดวันนี้ก็นำเสนอเหมือนกัน ถ้าเห็นการนำเสนอต้อนไม้แต่ละชนิดจะเห็นว่ามันไม่ธรรมดา เลยทีเดียว วันนี้ก็เช่นกันดอกไม้ที่ผมจะเอามาฝาก ก็ไม่ธรรมอีกเช่นกัน เพราะดอกไม้ที่ผมจะพูดถึงมันคือดอกบัวผุด
ดอกบังผุด หลายคนอาจเคยเห็นเคยสัมผัสมาแล้ว และอีกหลายคนอาจเคยได้ยินชื่ออยู่บ่อย ๆ แต่อาจยังไม่เคยเห็นมันและอีกหลายคนอาจยังไม่เคยเห็นมันเลย หรืออาจไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แต่ในกลุ่มคนที่รักธรรมชาติดอกบัวผุดถือเ็ป็นดอกไม้ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะว่าดอกบัวผุด มีชื่อเสียงว่าเป็นดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จึงมีความหมานมากกับนักเดินทาง นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเห็น ดอกบัวผุดเป็นดอกไม้ทีหายากมากเพราะเป็นดอกไม้ที่มีวงจรชีวิตแตกต่าง จากดอกไม้ทั่วไป และนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ดอกบัวผุดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็อย่างมาก
บัวผุด
(ชื่อวิทยาศาสตร์:Rafflesia kerri Meijer) เป็นกาฝากชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่บนรากของพืชจำพวกเถาองุ่นป่า (Tetrastigma) ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ย่านไก่ต้ม มีลักษณะเด่นที่ดอกซึ่งเป็นดอกเดียวขึ้นจากพื้นดินมีขนาดใหญ่ มีกลิ่นเหม็นมาก ให้เห็นระหว่างฤดูฝน ระหว่างพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคมดอกตูมอยู่จะคล้ายกับหม้อขนาดใหญ่มีกลีบหนาจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก 70-80 เซนติเมตร ที่โคนของดอกมีกลีบนำสีน้ำตาลอมเหลืองเรียงสลับซับซ้อนกันอยู่มาก ภายในดอกจะมีแผ่นแบนคล้ายจาน ด้านบนมีปุ่มคล้ายหนามแหลมจานนี้จะซ้อนเกสรตัวผู้และรังไข่ไว้ด้านล่าง ดอกจะบานอยู่ได้เพียง 4-5 วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ดำเน่าไป ดอกบัวผุดพบใน อำเภอพนม บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก ในจังหวัดสุราษฎ์ธานี ซึงเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
(ชื่อวิทยาศาสตร์:Rafflesia kerri Meijer) เป็นกาฝากชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่บนรากของพืชจำพวกเถาองุ่นป่า (Tetrastigma) ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ย่านไก่ต้ม มีลักษณะเด่นที่ดอกซึ่งเป็นดอกเดียวขึ้นจากพื้นดินมีขนาดใหญ่ มีกลิ่นเหม็นมาก ให้เห็นระหว่างฤดูฝน ระหว่างพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคมดอกตูมอยู่จะคล้ายกับหม้อขนาดใหญ่มีกลีบหนาจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก 70-80 เซนติเมตร ที่โคนของดอกมีกลีบนำสีน้ำตาลอมเหลืองเรียงสลับซับซ้อนกันอยู่มาก ภายในดอกจะมีแผ่นแบนคล้ายจาน ด้านบนมีปุ่มคล้ายหนามแหลมจานนี้จะซ้อนเกสรตัวผู้และรังไข่ไว้ด้านล่าง ดอกจะบานอยู่ได้เพียง 4-5 วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ดำเน่าไป ดอกบัวผุดพบใน อำเภอพนม บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก ในจังหวัดสุราษฎ์ธานี ซึงเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
วงจรชีวิต ของบัวผุด
บัวผุด เป็นพืชป่าฝนเขตร้อนที่มีระบบวงจรชีวิตที่เปราะบาง เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง เนื่องจากต้องอาศัยเงื่อนไขเฉพาะหลายประการในการแพร่พันธุ์ นอกจากนั้นโอกาสที่จะติดเป็นผลหลังการผสมเกสร มีไม่เกินร้อยละ 20
เงื่อนไขที่ 1 ดอกตัวผู้กับดอกตัวเมีย จะต้องบานพร้อมกัน และบานอยู่ไม่ห่างกันนัก มันจะปล่อยกลิ่นคล้ายซากเน่าออกมาล่อแมลงวันหัวเขียว ซึ่งเป็นแมลงชนิดเดียวที่ทำหน้าที่ผสมพันธุ์ให้บัวผุด จากนั้นดอกก็จะเหี่ยวแห้งไป
เงื่อนไขที่ 2 สัตว์ป่าที่ช่วยผสมพันธุ์ คือ กระแต มันจะกินผลบัวผุดที่แก่จัด เมล็ดจากผลบัวผุดที่มีขนาดเล็กเท่าเส้นด้าย อาจติดตามเล็บของมัน การแพร่พันธุ์จะเกิดขึ้นเมื่อกระแตใช้เล็บ (ที่มีเมล็ดติดอยู่) ไปตะกุยบนผิวย่านไก่ต้ม ในตำแหน่งที่พอเหมาะ คือ ต้องเจาะเข้าไปในท่อน้ำเลี้ยงของย่านไก่ต้มเท่านั้น
เงื่อนไขที่ 3 เถาย่านไก่ต้ม เป็นตัวอิงอาศัย (host) ชนิดเดียวของบัวผุด โดยที่บัวผุดจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากท่อน้ำเลี้ยงของย่านไก่ต้ม การบานของดอกบัวผุดเกิดจากแรงดันของน้ำที่อยู่ในเถาย่านไก่ต้มนั่นเอง
และหากดูจากวงจรชีวิตข้างต้นจะเห็นได้ว่าดอกบัวผุดมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะต้องอาศํยต้นไม้อื่นรวมไปถึง สภาพที่เหมมาะสมในการดำรงค์ชีวิตและนั่นเองที่ทำให้ดอกบัวผุดเป็นดอกไม้หา ยากพบได้เฉพาะพื้นที่ที่ อุดมสมบูรณ์บางแห่งเท่านั้น
บัวผุด เป็นพืชป่าฝนเขตร้อนที่มีระบบวงจรชีวิตที่เปราะบาง เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง เนื่องจากต้องอาศัยเงื่อนไขเฉพาะหลายประการในการแพร่พันธุ์ นอกจากนั้นโอกาสที่จะติดเป็นผลหลังการผสมเกสร มีไม่เกินร้อยละ 20
เงื่อนไขที่ 1 ดอกตัวผู้กับดอกตัวเมีย จะต้องบานพร้อมกัน และบานอยู่ไม่ห่างกันนัก มันจะปล่อยกลิ่นคล้ายซากเน่าออกมาล่อแมลงวันหัวเขียว ซึ่งเป็นแมลงชนิดเดียวที่ทำหน้าที่ผสมพันธุ์ให้บัวผุด จากนั้นดอกก็จะเหี่ยวแห้งไป
เงื่อนไขที่ 2 สัตว์ป่าที่ช่วยผสมพันธุ์ คือ กระแต มันจะกินผลบัวผุดที่แก่จัด เมล็ดจากผลบัวผุดที่มีขนาดเล็กเท่าเส้นด้าย อาจติดตามเล็บของมัน การแพร่พันธุ์จะเกิดขึ้นเมื่อกระแตใช้เล็บ (ที่มีเมล็ดติดอยู่) ไปตะกุยบนผิวย่านไก่ต้ม ในตำแหน่งที่พอเหมาะ คือ ต้องเจาะเข้าไปในท่อน้ำเลี้ยงของย่านไก่ต้มเท่านั้น
เงื่อนไขที่ 3 เถาย่านไก่ต้ม เป็นตัวอิงอาศัย (host) ชนิดเดียวของบัวผุด โดยที่บัวผุดจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากท่อน้ำเลี้ยงของย่านไก่ต้ม การบานของดอกบัวผุดเกิดจากแรงดันของน้ำที่อยู่ในเถาย่านไก่ต้มนั่นเอง
และหากดูจากวงจรชีวิตข้างต้นจะเห็นได้ว่าดอกบัวผุดมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะต้องอาศํยต้นไม้อื่นรวมไปถึง สภาพที่เหมมาะสมในการดำรงค์ชีวิตและนั่นเองที่ทำให้ดอกบัวผุดเป็นดอกไม้หา ยากพบได้เฉพาะพื้นที่ที่ อุดมสมบูรณ์บางแห่งเท่านั้น