คราวที่แล้วเราทำความรู้จักกับ body ของกล้องคอมแพ็ค กันไปแล้วนะครับ วันนี้เรามาดูอุปกรณ์เสริมกันบ้างนะครับ เพรพาะว่าหลายคน ถ่ายออกมาไม่ได้ หรือ ไม่สวย รวมไปถึงหลายครั้งที่ทำให้เราเสียอารมณ์กับการถ่ายภาพ ก็เพราะลือเตรียมเจ้าอุปกรณ์เสริมสารพัด ที่ว่านี่แหละครับ ไป เราลองมาดูกันนะครับว่า อุปกรณ์อะไรบ้างที่เราต้องเตรียมไปครับ
เมมโมรี่การ์ด (Memory Card)
เมมโมรี่การ์ด ก็คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล บันทึกภาพที่เราถ่ายมาแล้วนั่นเอง (ในที่นี้ผมไม่ขอพูดถึงเจ้ากล้องฟิล์ม ที่ต้องพกฟิล์ม ไปนะครับ อิอิ ขอพูดถึงกล้องยุคหลัง ๆ ที่ใช้เมมโมรี่การ์ด) ปัจจุบันเมมโมรี่การ์ด มีอยู่หลายแบบ เช่น SD Card, XD Card, Memory Stick ซึ่งขึ้นอยู่กับกล้องที่ใช้ ปกติแล้วนะครับเมมโมรี่การ์ดที่เราใช้กันไม่ควรจะต่ำกว่า 2 GB นะครับ และในกรณีที่เราเตรียมไปถ่ายภาพโดยเฉพาะหรือไปท่องเที่ยวเราควรที่จะมีสำรองไว้นะครับเผื่อว่ามันเต็มจะได้ มีไว้ถ่ายต่อ เพราะจากประสบการณ์ เมมโมรี่การ์ด 2GB ก็จะเก็บภาพได้ประมาณ 320 ภาพ เท่านั้นเอง (ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความละเอียดกล้อง และ กล้องแต่ละรุ่นด้วยนะครับ)
แบตเตอรี่ (Battery)
แน่นอนครับ มีความสำคัญมากพอสมควร เพราะว่า แบตเตอร์รี่ที่ว่า ก็คือแหล่งเก็บพลังงานของกล้องดิจิตอลนั่นเองครับ ซึ่ง ก็จะมีรูปแบบ และ ชิดที่แตกต่างกันออกไปตามแต่กล้องแต่ละรุ่นครับ โดยทั่วไปที่เห็นใช้กันจะมีดังนี้ครับ
แบตเตอรี่AA(ถ่าน) อิอิ ชื่อมันดูทะแม่ง ๆหน่อยก็เอาเถอครับละไว้ในฐานที่เข้าใจ ส่วนมาก แบตเตอร์รี่แบบนี้ จะมี ขนาดอยู่สองขนาดคือ ขนาด AA(ส่วนมากจะใชบ้ขนาดนี้ครับ) และ ขนาด AAA ซึ่ง แล้วแต่กล้องแต่ละรุ่นครับ ซึ่งขอบอกอย่างหนึ่งนะครับว่า เจ้าแบตเตอร์รี่ที่ว่านี่ไม่ใช่ สับแต่ว่า มีขนาด AA แล้วจะหยิบมาใช้ได้เสมอนะครับ เช่นพวกตรากบอะไรพวกนี้ ใช้ไม่ได้ครับ ๕๕๕ แบตเตอร์รี่ที่เราจะใช้ได้ต้องเป็นแบตเตอร์รี่ชนิด อัลคาไลน์ (Alkaline) ซึ่ง เจ้าแบตเตอร์รี่ชนิด อัลคาไลน์ (Alkaline) ที่ว่าก็มีหลายแบบครับ โดยแบตเตอร์รี่ชนิด อัลคาไลน์ (Alkaline) ที่เราเห็นมีขายทั่วไป ถ้าใครเคยลองเอามาใช้จะเห็นว่ามันถ่ายได้ประมาณ 20-30 ภาพก็หมดแล้วครับ นั่นเป็นเพราะ แบตเตอร์รี่พวกนี้ไม่ได้ออกแบบ มาเพื่อให้ใช้งานกับกล้องดิจิตอลครับ สำหรับแบบเตอร์รี่ที่เราจะใช้งานกับกล้องจะต้องเป็น แบตเตอร์รี่ชนิด อัลคาไลน์ (Alkaline) ที่ใช้กับกล้องโดยเฉพาะ ซึ่งจะใช้งานได้ดีกว่า และมีไฟบรรจุมากกว่าครับ ส่วน แบตเตอร์รี่ชนิด อัลคาไลน์ (Alkaline) ที่ชาร์ดได้ก็มีอีกแบบครับ แต่โดยทั่วไป เราก็จะใช้ แบตเตอร์รี่ชนิดชาร์จได้ที่เรียกว่า นิกเกิลแคดเมียม (Ni-Cd) ปัจจุบันพัฒนามาเป็น นิกเกิล เมทัล ไฮดราย (Ni-MH) ที่สามารถชาร์จได้ ซึ่งนิยมกันมากเพราะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ครับ
ส่วนอีกแบบ ค่อนข้างนิยมคือแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Li-On)(เหมือนแบตเตอรี่มือถือ) จะเป็นถ่านชาร์จลักษณะจะเป็นก้อนสี่เหลี่ยม มีน้ำหนักเบาให้กำลังไฟสูงและสามารถใช้ได้นานนิยมกันมากครับ
แต่ผมขอแนะนำเล็กน้อยนะครับว่า ไม่ว่าเราจะใช้แบตเตอรี่แบบไหนก็ควรจะมีสำรองไว้นะครับ ไม่ควรที่จะ มีไปในกล้องชุดเดียว ไม่งั้นอดได้ภาพที่ประทับใจไม่รู้ด้วยนะครับ
ขาตั้งกล้อง (Tripod)
ปกติแล้วหลายคนมักไม่ให้ความสำคัญกับขาตั้งเท่าไร เพราะกล้องมีน้ำหนักเบา กล้องดิจิตอลในปัจจุบันมีโหมดต่างๆ ให้เลือกใช้มากมาย แม้ในสภาพแสงน้อยก็ยังออกมาสวย แต่ถ้าใคร ลองถ่ายภาพในระยะ ZOOM สูงสุด ไม่ว่าจะมือนิ่งเท่าไรก็ยังมีโอกาสเบลอ ยิ่งสภาวะแสงที่น้อย ด้วยแล้วไปใหญ่เลยครับ เบลอง่ายมากขึ้นเยอะเลย ดังนั้นถ้าอยากได้ภาพในสภาวะที่ไม่ปกติ เช่น แสงไฟ พรุ หรือ งานพิธีต่าง ๆ ผมบอกตามตรงว่าอย่ามองข้ามขาตั้งนะครับ ส่วน ขาตั้งที่ดีนั้น ไม่ต้องอะไรมาก แค่ เลือก ให้รับน้ำหนักกล้องได้มั่นคงก็พอครับ เพราะกล้องคอมแพ็ค โดยทั่วไปน้ำหนักเบา ดังนั้นจึงไม่ต้องไปเอาขาราคาเป็นหมื่นมาใช้ก็ได้ครับ เท่าที่มีประสบการณ์มา ขากล้องราคา 199 ก็ยังเคยใช้มาแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ
สายเชื่อมต่อ (USB)
เป็นสายที่เราใช้เชื่อมต่อกล้องกับเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับส่งภาพถ่ายจากกล้องไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของเรา ควรเก็บสาย USB นี้ไว้กับกระเป๋ากล้องตลอดเวลา เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้งาน แต่สำหรับผมเองก็ไม่เคยใช้เหมือนกันครับ ปกติก็จะใช้ Reader card โดยเสียบเมมโมรี่การ์ดเข้ากับตัวอ่านการ์ด (Card Reader) แทนครับ เพราะว่า มันไม่ต้องดึงพลังงานในตัวกล้อง เนื่องจาก กล้องลายรุ่น เสียบ USB ไม่ชาร์จ ยิ่งไปกว่านั้น กล้องผมใช้แบตเตอรี่แบบ AA จึง เป็นการประหยัดพลังงานได้อีกทาง
คู่มือการใช้กล้อง (Manual & CO - ROM)
หลายๆ ไม่ค่อยสนใจอ่านคู่มือการใช้กล้องกันซักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะหลักในการใช้กล้องคอมแพคมันก็คล้ายๆ กันหมด นี่แหละครับที่หลายคนถ่ายรูปออกมา ถ่ายเท่าไรก็ไม่สวย เลยไปโทษเอาว่าเราไม่ได้ ถ่ายรูปจากล้องราคาแพง ๆ มันเลยเป็นอย่างนี้ ที่จริงไม่ใช่เลยครับ มันเป็นเพราะเรายังไม่รู้วิธีการใช้งาน ของกล้องอย่างแท้จริงต่างหาก ดังนั้นก่อนที่เราจะใช้งาน เราควรที่จะศึกษาคู่มือให้ถี่ถ้วนถึงฟังชั่นการใช้งาน ทุกครั้งด้วยนะครับ
ครับ วันนี้เราได้เรียนรู้อะไรมากพอสมควร เดี๋ยวคราวหน้าผมมาเล่าต่อถึงเรื่องของการใช้งานนะครับ รอบนี้ลองใช้ด้วยตัวเองไปก่อนครับ อิอิ
เมมโมรี่การ์ด ก็คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล บันทึกภาพที่เราถ่ายมาแล้วนั่นเอง (ในที่นี้ผมไม่ขอพูดถึงเจ้ากล้องฟิล์ม ที่ต้องพกฟิล์ม ไปนะครับ อิอิ ขอพูดถึงกล้องยุคหลัง ๆ ที่ใช้เมมโมรี่การ์ด) ปัจจุบันเมมโมรี่การ์ด มีอยู่หลายแบบ เช่น SD Card, XD Card, Memory Stick ซึ่งขึ้นอยู่กับกล้องที่ใช้ ปกติแล้วนะครับเมมโมรี่การ์ดที่เราใช้กันไม่ควรจะต่ำกว่า 2 GB นะครับ และในกรณีที่เราเตรียมไปถ่ายภาพโดยเฉพาะหรือไปท่องเที่ยวเราควรที่จะมีสำรองไว้นะครับเผื่อว่ามันเต็มจะได้ มีไว้ถ่ายต่อ เพราะจากประสบการณ์ เมมโมรี่การ์ด 2GB ก็จะเก็บภาพได้ประมาณ 320 ภาพ เท่านั้นเอง (ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความละเอียดกล้อง และ กล้องแต่ละรุ่นด้วยนะครับ)
แบตเตอรี่ (Battery)
แน่นอนครับ มีความสำคัญมากพอสมควร เพราะว่า แบตเตอร์รี่ที่ว่า ก็คือแหล่งเก็บพลังงานของกล้องดิจิตอลนั่นเองครับ ซึ่ง ก็จะมีรูปแบบ และ ชิดที่แตกต่างกันออกไปตามแต่กล้องแต่ละรุ่นครับ โดยทั่วไปที่เห็นใช้กันจะมีดังนี้ครับ
แบตเตอรี่AA(ถ่าน) อิอิ ชื่อมันดูทะแม่ง ๆหน่อยก็เอาเถอครับละไว้ในฐานที่เข้าใจ ส่วนมาก แบตเตอร์รี่แบบนี้ จะมี ขนาดอยู่สองขนาดคือ ขนาด AA(ส่วนมากจะใชบ้ขนาดนี้ครับ) และ ขนาด AAA ซึ่ง แล้วแต่กล้องแต่ละรุ่นครับ ซึ่งขอบอกอย่างหนึ่งนะครับว่า เจ้าแบตเตอร์รี่ที่ว่านี่ไม่ใช่ สับแต่ว่า มีขนาด AA แล้วจะหยิบมาใช้ได้เสมอนะครับ เช่นพวกตรากบอะไรพวกนี้ ใช้ไม่ได้ครับ ๕๕๕ แบตเตอร์รี่ที่เราจะใช้ได้ต้องเป็นแบตเตอร์รี่ชนิด อัลคาไลน์ (Alkaline) ซึ่ง เจ้าแบตเตอร์รี่ชนิด อัลคาไลน์ (Alkaline) ที่ว่าก็มีหลายแบบครับ โดยแบตเตอร์รี่ชนิด อัลคาไลน์ (Alkaline) ที่เราเห็นมีขายทั่วไป ถ้าใครเคยลองเอามาใช้จะเห็นว่ามันถ่ายได้ประมาณ 20-30 ภาพก็หมดแล้วครับ นั่นเป็นเพราะ แบตเตอร์รี่พวกนี้ไม่ได้ออกแบบ มาเพื่อให้ใช้งานกับกล้องดิจิตอลครับ สำหรับแบบเตอร์รี่ที่เราจะใช้งานกับกล้องจะต้องเป็น แบตเตอร์รี่ชนิด อัลคาไลน์ (Alkaline) ที่ใช้กับกล้องโดยเฉพาะ ซึ่งจะใช้งานได้ดีกว่า และมีไฟบรรจุมากกว่าครับ ส่วน แบตเตอร์รี่ชนิด อัลคาไลน์ (Alkaline) ที่ชาร์ดได้ก็มีอีกแบบครับ แต่โดยทั่วไป เราก็จะใช้ แบตเตอร์รี่ชนิดชาร์จได้ที่เรียกว่า นิกเกิลแคดเมียม (Ni-Cd) ปัจจุบันพัฒนามาเป็น นิกเกิล เมทัล ไฮดราย (Ni-MH) ที่สามารถชาร์จได้ ซึ่งนิยมกันมากเพราะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ครับ
ส่วนอีกแบบ ค่อนข้างนิยมคือแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Li-On)(เหมือนแบตเตอรี่มือถือ) จะเป็นถ่านชาร์จลักษณะจะเป็นก้อนสี่เหลี่ยม มีน้ำหนักเบาให้กำลังไฟสูงและสามารถใช้ได้นานนิยมกันมากครับ
แต่ผมขอแนะนำเล็กน้อยนะครับว่า ไม่ว่าเราจะใช้แบตเตอรี่แบบไหนก็ควรจะมีสำรองไว้นะครับ ไม่ควรที่จะ มีไปในกล้องชุดเดียว ไม่งั้นอดได้ภาพที่ประทับใจไม่รู้ด้วยนะครับ
ขาตั้งกล้อง (Tripod)
ปกติแล้วหลายคนมักไม่ให้ความสำคัญกับขาตั้งเท่าไร เพราะกล้องมีน้ำหนักเบา กล้องดิจิตอลในปัจจุบันมีโหมดต่างๆ ให้เลือกใช้มากมาย แม้ในสภาพแสงน้อยก็ยังออกมาสวย แต่ถ้าใคร ลองถ่ายภาพในระยะ ZOOM สูงสุด ไม่ว่าจะมือนิ่งเท่าไรก็ยังมีโอกาสเบลอ ยิ่งสภาวะแสงที่น้อย ด้วยแล้วไปใหญ่เลยครับ เบลอง่ายมากขึ้นเยอะเลย ดังนั้นถ้าอยากได้ภาพในสภาวะที่ไม่ปกติ เช่น แสงไฟ พรุ หรือ งานพิธีต่าง ๆ ผมบอกตามตรงว่าอย่ามองข้ามขาตั้งนะครับ ส่วน ขาตั้งที่ดีนั้น ไม่ต้องอะไรมาก แค่ เลือก ให้รับน้ำหนักกล้องได้มั่นคงก็พอครับ เพราะกล้องคอมแพ็ค โดยทั่วไปน้ำหนักเบา ดังนั้นจึงไม่ต้องไปเอาขาราคาเป็นหมื่นมาใช้ก็ได้ครับ เท่าที่มีประสบการณ์มา ขากล้องราคา 199 ก็ยังเคยใช้มาแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ
สายเชื่อมต่อ (USB)
เป็นสายที่เราใช้เชื่อมต่อกล้องกับเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับส่งภาพถ่ายจากกล้องไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของเรา ควรเก็บสาย USB นี้ไว้กับกระเป๋ากล้องตลอดเวลา เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้งาน แต่สำหรับผมเองก็ไม่เคยใช้เหมือนกันครับ ปกติก็จะใช้ Reader card โดยเสียบเมมโมรี่การ์ดเข้ากับตัวอ่านการ์ด (Card Reader) แทนครับ เพราะว่า มันไม่ต้องดึงพลังงานในตัวกล้อง เนื่องจาก กล้องลายรุ่น เสียบ USB ไม่ชาร์จ ยิ่งไปกว่านั้น กล้องผมใช้แบตเตอรี่แบบ AA จึง เป็นการประหยัดพลังงานได้อีกทาง
คู่มือการใช้กล้อง (Manual & CO - ROM)
หลายๆ ไม่ค่อยสนใจอ่านคู่มือการใช้กล้องกันซักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะหลักในการใช้กล้องคอมแพคมันก็คล้ายๆ กันหมด นี่แหละครับที่หลายคนถ่ายรูปออกมา ถ่ายเท่าไรก็ไม่สวย เลยไปโทษเอาว่าเราไม่ได้ ถ่ายรูปจากล้องราคาแพง ๆ มันเลยเป็นอย่างนี้ ที่จริงไม่ใช่เลยครับ มันเป็นเพราะเรายังไม่รู้วิธีการใช้งาน ของกล้องอย่างแท้จริงต่างหาก ดังนั้นก่อนที่เราจะใช้งาน เราควรที่จะศึกษาคู่มือให้ถี่ถ้วนถึงฟังชั่นการใช้งาน ทุกครั้งด้วยนะครับ
ครับ วันนี้เราได้เรียนรู้อะไรมากพอสมควร เดี๋ยวคราวหน้าผมมาเล่าต่อถึงเรื่องของการใช้งานนะครับ รอบนี้ลองใช้ด้วยตัวเองไปก่อนครับ อิอิ