ผมเคยคุยกับเพื่อนหลายคนในเรื่องของการถ่ายภาพ เรื่องที่ถูกถามมาก็คือ เรื่องงของรูปรับแสง หรือที่เรามักเรียกกันว่า ค่า F-Number คำถามที่สงสัยกันคือมันมีผลอย่างไร น่าสนใจแบบไหน ปรับไปเพื่ออะไร ถ้าเป็นมือใหม่ ก็มักไม่ค่อยสนใจเท่าไร แต่ถ้าเป็นมือเก๋ารับประกันเลยว่าคงต้องคิดถึงค่านี้อย่างมากเลยทีเดียว เพราะมันมีผลกับภาพไม่น้อยเลยล่ะครับ เพราะงั้นเรามาดูค่านี้กันว่ามันสำคัญอย่างไร
ก่อนอื่นก่อนที่เราจะไปเรียนรู้เรื่องของการปรับแต่งกล้อง เรามาดูเรื่องราวเบื้องต้นเกี่ยวกับรูรับแสงกนสักเล็กน้อยนะครับ
รูรับแสง (f stop number) หรือขนาดรูรับแสง เป็นกลไกอย่างหนึ่งในการควบคุมปริมาณแสงที่ส่งผ่านไปยังเซนเซอร์รับภาพ
ซึ่งรูรับแสงนี้เดิมทีใช้กลีบม่านหรือไดอะแฟรมที่อยู่ภายในกระบอกเลนส์เป็นตัวควบคุม ในยุคแรกๆของกล้องถ่ายภาพ ค่ารูรับแสงจะแบ่งเป็นขั้นละหนึ่งสเตป การควบคุมขนาดรูรับแสงทำได้ด้วยการหมุนวงแหวนปรับรูรับแสงที่ตัวเลนส์โดยตรง เนื่องจากเลนส์ยุคก่อนเป็นระบบกลไกล้วน ต่างจากเลนส์ในยุคดิจิตอลที่ใช้ระบบอิเลคทรอนิคเป็นตัวควบคุมและสั่งการได้ จากตัวกล้อง เราจึงไม่เห็นวงแหวนปรับรูรับแสงในเลนส์รุ่นใหม่ๆที่ผลิตออกมา การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เราสามารถปรับขนาดรูรับแสงได้อย่างละเอียดขึ้น โดยแบ่งเป็นขั้นละ 1/3 สตอป หรือ 1/2 สตอป ต่างจากเลนส์แมคคานิค ที่เป็นกลไกล้วนโดยมากจะปรับได้ขั้นละ 1 หรือ 1/2 สตอปตัวอย่างค่ารูรับแสงที่แบ่งเป็นขั้นละ 1 สตอป จะมีดังนี้ f1 / f1.4 / f2 / f2.8 / f4 / f5.6 / f8 / f11 / f16 / f22 / f32 / f45 / f64 ตัวเลข แสดงค่ารูรับแสงจะให้ผลตรงกันข้ามกับปริมาณการเปิดรับแสงของเลนส์ เช่นค่ารูรับแสง f2 จะให้ปริมาณแสงมากกว่าขนาดรูรับแสง f2.8 อยู่ 1 สตอป มากกว่า f4 อยู่ 2 สตอป หมายความว่ายิ่งเลือกใช้ค่ารูรับแสงมากขึ้น ม่านไดอะแฟรมในตัวเลนส์ก็จะยิ่งหรี่เล็กลง แสงจะผ่านไปยังเซนเซอร์ได้น้อยเพื่อไม่ให้สับสนควรจำให้ได้ว่า ค่าตัวเลขน้อยขนาดรูรับแสงกว้าง ค่าตัวเลขมากขนาดรูรับแสงแคบ
ซึ่ง ในถ้าเป็น DSLR เราจะเห็นได้ว่า เลนส์แต่ละประเภทออกแบบรูรับรับแสงมาให้รับแสงได้ค่อนข้างต่างกัน แต่ ในกล้องคอมแพ็ค ในหลายรุ่นจะสามารถปรับได้โดยระบบ ดิจิตอล ดังนั้น หากเราใช้โหมด หรือใช้กล้องที่มีการปรับโดยอัตโนมัติสิ่งที่เราจะเห็นได้ก็คือ เมื่อเราถ่ายรูปในสภาวะแสงที่ต่างกัน ค่า รูรับแสงก็จะเลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น สิ่งที่มีผลแน่นอนคือ ภาพจะมืดหรือสว่าง ต่างกัน ดังนั้น เมื่อเราถ่ายภาพกลางแจ้ง เช่น เวลาที่แดดจัด (ที่จริงเราไม่ควรนักที่จะถ่ายภาพตอนที่แดดจัด) ถ้าเราปรับรูรับแสงกว้าง เราจะได้ภาพที่สว่างเกินไป แต่ถ้าเราปรับรูรับแสงแคบ เราจะได้ภาพที่มืด (อาจทำให้อารมณ์ของภาพเปลี่ยนไป ) ดังนั้นตรงนี้คงต้องอาศัยการฝึกฝน
รูรับแสง (f stop number) หรือขนาดรูรับแสง เป็นกลไกอย่างหนึ่งในการควบคุมปริมาณแสงที่ส่งผ่านไปยังเซนเซอร์รับภาพ
ซึ่งรูรับแสงนี้เดิมทีใช้กลีบม่านหรือไดอะแฟรมที่อยู่ภายในกระบอกเลนส์เป็นตัวควบคุม ในยุคแรกๆของกล้องถ่ายภาพ ค่ารูรับแสงจะแบ่งเป็นขั้นละหนึ่งสเตป การควบคุมขนาดรูรับแสงทำได้ด้วยการหมุนวงแหวนปรับรูรับแสงที่ตัวเลนส์โดยตรง เนื่องจากเลนส์ยุคก่อนเป็นระบบกลไกล้วน ต่างจากเลนส์ในยุคดิจิตอลที่ใช้ระบบอิเลคทรอนิคเป็นตัวควบคุมและสั่งการได้ จากตัวกล้อง เราจึงไม่เห็นวงแหวนปรับรูรับแสงในเลนส์รุ่นใหม่ๆที่ผลิตออกมา การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เราสามารถปรับขนาดรูรับแสงได้อย่างละเอียดขึ้น โดยแบ่งเป็นขั้นละ 1/3 สตอป หรือ 1/2 สตอป ต่างจากเลนส์แมคคานิค ที่เป็นกลไกล้วนโดยมากจะปรับได้ขั้นละ 1 หรือ 1/2 สตอปตัวอย่างค่ารูรับแสงที่แบ่งเป็นขั้นละ 1 สตอป จะมีดังนี้ f1 / f1.4 / f2 / f2.8 / f4 / f5.6 / f8 / f11 / f16 / f22 / f32 / f45 / f64 ตัวเลข แสดงค่ารูรับแสงจะให้ผลตรงกันข้ามกับปริมาณการเปิดรับแสงของเลนส์ เช่นค่ารูรับแสง f2 จะให้ปริมาณแสงมากกว่าขนาดรูรับแสง f2.8 อยู่ 1 สตอป มากกว่า f4 อยู่ 2 สตอป หมายความว่ายิ่งเลือกใช้ค่ารูรับแสงมากขึ้น ม่านไดอะแฟรมในตัวเลนส์ก็จะยิ่งหรี่เล็กลง แสงจะผ่านไปยังเซนเซอร์ได้น้อยเพื่อไม่ให้สับสนควรจำให้ได้ว่า ค่าตัวเลขน้อยขนาดรูรับแสงกว้าง ค่าตัวเลขมากขนาดรูรับแสงแคบ
ซึ่ง ในถ้าเป็น DSLR เราจะเห็นได้ว่า เลนส์แต่ละประเภทออกแบบรูรับรับแสงมาให้รับแสงได้ค่อนข้างต่างกัน แต่ ในกล้องคอมแพ็ค ในหลายรุ่นจะสามารถปรับได้โดยระบบ ดิจิตอล ดังนั้น หากเราใช้โหมด หรือใช้กล้องที่มีการปรับโดยอัตโนมัติสิ่งที่เราจะเห็นได้ก็คือ เมื่อเราถ่ายรูปในสภาวะแสงที่ต่างกัน ค่า รูรับแสงก็จะเลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น สิ่งที่มีผลแน่นอนคือ ภาพจะมืดหรือสว่าง ต่างกัน ดังนั้น เมื่อเราถ่ายภาพกลางแจ้ง เช่น เวลาที่แดดจัด (ที่จริงเราไม่ควรนักที่จะถ่ายภาพตอนที่แดดจัด) ถ้าเราปรับรูรับแสงกว้าง เราจะได้ภาพที่สว่างเกินไป แต่ถ้าเราปรับรูรับแสงแคบ เราจะได้ภาพที่มืด (อาจทำให้อารมณ์ของภาพเปลี่ยนไป ) ดังนั้นตรงนี้คงต้องอาศัยการฝึกฝน